นายจ้างสามารถหักเงินเดือนพนักงานเพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุน ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนหรือไม่
นายจ้างจะดำเนินการหักเงินเดือนได้ต่อเมื่อกองทุนได้แจ้งต่อนายจ้างอย่างเป็นทางการเท่านั้น เมื่อได้รับหนังสือแล้ว สามารถหักได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง เนื่องจากเป็นการชำระเงินอื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ ตามมาตรา76 (1) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
นายจ้างไม่หักได้ไหม
หากนายจ้างไม่ดำเนินการตามมาตรา 51
- ไม่ได้หักเงินได้พึงประเมิน
- หักแต่ไม่นำส่ง หรือ นำส่งแต่ไม่ครบจำนวนที่กองทุนแจ้ง
- หักแต่นำส่งเกินกำหนดระยะเวลา
นายจ้างจะต้องรับผิดชอบ
- ชดใช้เงินที่ต้องนำส่งในส่วนของผู้กู้ยืมต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่นายจ้างยังไม่ได้นำส่งหรือตามจำนวนที่ยังขาดไป
ยกเว้นนายจ้างพบเหตุดังนี้
1.ลาออก ถูกปลดออก ไล่ออก หรือโอนย้าย
2.รายได้คงเหลือไม่พอหักเงินเพื่อชำระหนี้(หลังหักรายการตามกฎหมาย)
3.ลาโดยไม่ได้รับเงินเดือน
4.ได้รับโทษทางวินัยไม่ได้รับเงินเดือน
5.ชำระหนี้เสร็จสิ้น
6.มีสถานะพักการจ้างโดยไม่ได้รับเงินเดือน
7.ไม่เป็นพนักงาน/ลูกจ้างของหน่วยงาน
8.เสียชีวิต
ทั้งนี้ นายจ้างมีหน้าที่ทำรายการแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อกองทุนผ่านระบบ e-PaySLF โดยให้นายจ้างนำส่งรายชื่อ และจำนวนเงินที่สามารถหักได้ พร้อมแจ้งเหตุสำหรับรายที่หักได้แต่ไม่เต็มจำนวนที่กองทุนแจ้งหรือแจ้งเหตุสำหรับรายที่ยอดนำส่งเป็น 0 บาท
มาตรา 42 หน้าที่ของผู้กู้ยืม
1.ให้ความยินยอมในขณะทำสัญญากู้ยืม เพื่อให้หักเงินเดือนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ
2.แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมเงินต่อนายจ้าง ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติงานและยินยอมให้หักเงินเดือนเพื่อชำระคืนกองทุน
3.ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งยินยอมให้กองทุนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินและการชำระเงินคืนกองทุน
มาตรา 61
ให้ถือว่าหนี้ของผู้กู้ยืมเงิน กยศ. และ กรอ. ตามกฎหมายเดิม เป็นหนี้ที่จะต้องชดใช้คืนตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา 45
กองทุนมีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมทั้งภาครัฐและเอกชน
1.ขอข้อมูลส่วนบุคคล
2.เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมและชำระหนี้
3.การดำเนินการต่างๆ
มาตรา 46
เพื่อประโยชน์ของกองทุน หน่วยงานหรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดส่งข้อมูลให้กองทุนตามที่กองทุนร้องขอ
มาตรา 51
องค์กรนายจ้าง หมายถึง บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน
มีหน้าที่
- หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นพนักงานหรือลูกจ้าง [เฉพาะมาตรา40(1)แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินเดือน/ค่าจ้าง ตามการจ้างแรงงาน]
- โดยนำส่งกรมสรรพากรภายในกำหนดระยะเวลาการนำส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย
ลำดับการหักเงิน
1. หักภาษี ณ ที่จ่าย
2. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ/กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน/ประกันสังคม
3. เงินกู้ยืมกองทุน
การลดหนี้
วันที่นายจ้างได้มีการหักเงินเดือนตามจำนวนที่ได้หัก
หน้าที่ของกรมสรรพากร
กรมสรรพากรจะนำส่งเงินให้กองทุน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 76 ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักเพื่อ
(1) ชำระภาษีเงินได้ตามจำนวนที่ลูกจ้างต้องจ่ายหรือชำระเงินอื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้
(2) ชำระค่าบำรุงสหภาพแรงงานตามข้อบังคับของสหภาพแรงงาน
(3) ชำระหนี้สินสหกรณ์ออมทรัพย์ หรือสหกรณ์อื่นที่มีลักษณะเดียวกันกับสหกรณ์ออมทรัพย์หรือหนี้ ที่เป็นไปเพื่อสวัสดิการที่เป็นประโยชน์แก่ลูกจ้างฝ่ายเดียวโดยได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากลูกจ้าง
(4) เป็นเงินประกันตามมาตรา 10 หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายจ้างซึ่งลูกจ้างได้กระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
(5) เป็นเงินสะสมตามข้อตกลงเกี่ยวกับกองทุนเงินสะสม การหักตาม (2) (3) (4) และ (5) ในแต่ละกรณีห้ามมิให้หักเกินร้อยละสิบ และจะหักรวมกันได้ไม่เกิน หนึ่งในห้าของเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกำหนดเวลาการจ่ายตามมาตรา 70 เว้นแต่ได้รับความ ยินยอมจากลูกจ้าง
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 76 กำหนดห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้างของลูกจ้าง โดยมีข้อยกเว้น ดังนี้
หักโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ได้แก่
ก. ชำระภาษีเงินได้หรือชำระเงินอื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ม.76(1)
ข. ชำระค่าบำรุงสหภาพแรงงาน ม.76(2)
ค. เป็นเงินสะสมตามข้อตกลงเกี่ยวกับกองทุนเงินสะสม ม.76(5)
หักโดยต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ได้แก่
ก. ชำระหนี้สินสหกรณ์ หรือหนี้ที่เป็นไปเพื่อสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อลูกจ้าง ฝ่ายเดียว ม.76(3)
ข. เป็นเงินประกันหรือชดใช้ค่าเสียหายแก่นายจ้าง ม.76(4)
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและหน้าที่เกี่ยวกับการหักเงินเดือนผู้กู้ยืมคืนกองทุน ตามมาตรา 51
กยศ
- แจ้งนายจ้างเกี่ยวกับวันที่เริ่มและจำนวนเงินที่จะต้องหักของผู้กู้ยืมที่เป็นพนักงาน/ลูกจ้าง
- ติดตามให้นายจ้างรับผิดชอบในหน้าที่ที่ต้องนำส่งเงินให้กรมสรรพากร ตามจำนวนที่แจ้งและภายในระยะตามกฎหมาย
- ติดตามเงินจากกรมสรรพากร
นายจ้าง
- หักเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของพนักงาน/ลูกจ้างที่เป็นผู้กู้ยืมกองทุน เป็นต้นว่า เงินเดือน/ค่าจ้าง
- นำส่งให้กรมสรรพากร ภายในกำหนดระยะเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
กรมสรรพากร
- ออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการรับเงินจากองค์กรนายจ้างกับการนำส่งเงินให้แก่กองทุน
- รับเงินจากที่องค์กรนายจ้างนำส่ง
- นำส่งเงินให้แก่กองทุน
ผู้กู้ยืม
- สำหรับพนักงาน/ลูกจ้างใหม่ ให้แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมต่อนายจ้างภายใน 30 วัน
- ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล/เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมและการชำระคืน
- ให้หักเงินเดือนตามจำนวนที่กองทุนแจ้ง เพื่อชำระคืนกองทุน
HR หมดกังวลเรื่องการหักเงินเดือนชำระหนี้กยศ. ด้วย Business Plus HRM
- โปรแกรมรองรับทั้งกลุ่มที่หักในอัตราคงที่/ไม่คงที่ทุกเดือน
- สามารถกำหนดตัวเลขที่ต้องการหัก โดยสามารถบันทึกเป็นเงินหักประจำได้
- มีรายละเอียดการหักในใบจ่ายเงินเดือนเพื่อพนักงานทราบ
- HR สามารถตรวจสอบยอดหักได้ หักกับใคร เท่าไหร่ ในแต่ละงวด
อ่านเพิ่มเติม โปรแกรมรองรับการหักเงินเดือนชำระหนี้กยศ.
ที่มา www.studentloan.or.th