การสร้างพฤติกรรมพนักงานให้เกิดความคิดแบบ Sense of Ownership สามารถทำด้วยวิธีการต่อไปนี้
1.ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) และ ค่านิยมหลัก (Core Values)
หลายองค์กรอาจเติบโตมาด้วยวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมที่ถูกกำหนดมาจากผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารระดับสูง และพนักงานมีหน้าที่ปฏิบัติตามที่กำหนด แต่ถ้าพนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการกำหนดสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นการสร้าง Sense of Ownership ที่เพิ่มขึ้น หลัง lockdown นี้อาจเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะมาทบทวนกันใหม่ว่า หลังจากวิกฤต Covid-19 ที่เกิดขึ้นทิศทางและเป้าหมายขององค์กรมีอะไรที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ให้โอกาสทุกคนในการระบุวิสัยทัศน์และค่านิยมที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ผู้อ่านสามารถศึกษาเกี่ยวกับการทบทวนวัฒนธรรมองค์กรหลังวิกฤตได้ที่ How to move on วัฒนธรรมองค์กร หลังวิกฤต
องค์กรสามารถให้พนักงานมีส่วนร่วมโดยการใช้แบบสอบถามเพื่อสำรวจความคิดเห็นจากพนักงานอย่างทั่วถึง รวมถึงการคัดเลือกตัวแทนบุคคลจากแผนกต่าง ๆ เพื่อทบทวนข้อมูลเชิงลึก การมีส่วนร่วมในกระบวนการเหล่านี้และรับรู้ว่าได้ถูกนำไปใช้จริง และยิ่งถ้าพนักงานได้มีโอกาสเห็นการเปลี่ยนแปลง ความก้าวหน้า และผลสำเร็จแม้ว่าจะเล็กน้อยที่มาจากพวกเขาก็จะยิ่งสร้าง Sense of Ownership ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
2.สื่อสารแบบสองทาง
ไม่มีเจ้าของกิจการคนไหนที่อยากจะทำอะไรตามใบสั่ง คนเรามักจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อรู้เหตุผลว่าเปลี่ยนไปทำไม และฉันจะได้อะไรจากการเปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ สิ่งที่จะช่วยให้พนักงานเกิด Sense of Ownership คือได้รับรู้จากการสื่อสารที่ชัดเจนถึงเหตุผลและและความสำคัญ รวมถึงการได้แสดงความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการคิดวิธีการแก้ปัญหา และความรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการพาองค์กรผ่านพ้นปัญหาร่วมกัน
3.ให้อิสระในการทำงาน
อีกแนวทางในการสร้าง Sense of Ownership คือ การให้อิสระในการทำงาน เพื่อให้พนักงานรู้สึกถึงอิสระในหน้าที่รับผิดชอบและสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง ยิ่งในช่วงนี้ที่ในลักษณะการทำงานแบบ New Normal ที่อาจมีรูปแบบการทำงานแบบ Remote Work มากขึ้น ยิ่งเป็นโอกาสดีที่เอื้อในการสนับสนุนให้พนักงานมีอิสระในการทำงาน อาจเริ่มด้วยการมอบหมายงานที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ Micromanage หรือจ้ำจี้จ้ำไชทุกขั้นตอน แต่ให้อิสระในการออกแบบวิธีการ การตัดสินใจในงานที่รับผิดชอบ รวมถึงการสนับสนุนการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างทักษะ และความมั่นใจในการตัดสินใจในงาน ข้อควรระวังคือ เมื่อเกิดข้อผิดพลาดจากการมีอิสระในงาน หลีกเลี่ยงการกล่าวโทษ แต่เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน
4.เชื่อมโยงผลงานกับความสำเร็จขององค์กร
พนักงานจะรู้สึกถึง Sense of Ownership มากขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเขาเข้าใจว่าผลงานของพวกเขามีผลกระทบโดยตรงต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น
ผลงาน ผลกระทบต่อองค์กร
ขายได้ตามยอดที่กำหนด บริษัทมีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น
ให้บริการลูกค้าจนครบกระบวนการ ลูกค้าพึงพอใจและบอกต่อ
ซ่อมรถให้ลูกค้าเสร็จทันเวลา ลูกค้าชมเชยและกลับมาใช้บริการอีก
ดังนั้น นอกเหนือจากการวัดผลงานที่กำหนดแล้ว ควรมีช่องทางที่พนักงานจะได้รับรู้ผลกระทบต่อองค์กรที่มาจากผลงานของพวกเขา นอกจากนี้ยังสามารถสนับสนุนโครงการที่เปิดโอกาสในการนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนางาน หรือพัฒนาธุรกิจที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน เช่นการคิดผลิตภัณฑ์และนำไปขายได้จริงเป็นต้น
5.โอกาสเกี่ยวกับการปันผลกำไร
วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาในการสร้าง Sense of Ownership สำหรับองค์กรที่มีความเป็นไปได้การปันผลกำไรจะช่วยให้พนักงานมีส่วนได้เสียในงานที่ทำ ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้นตอบแทนอย่างชัดเจนโดยใช้รูปแบบที่แตกต่างกันเช่น Incentive Bonus ประจำปี หรือหุ้นบริษัท เป็นต้น
Sense of Ownership ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิธีที่จะสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานอีกด้วย
ที่มา @ACupOfCultureACOC