สุขภาพจิต เป็นประเด็นปัญหาที่พบมากขึ้นในวัยทำงาน ถือเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและสูญเสียอันดับต้น ๆ ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก การจัดการปัญหาสุขภาพจิตในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น แต่ยังส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว
แบบฉับพลัน ความเครียด ความวิตกกังวล ความรู้สึกเศร้า ความอยากอาหารลดลง การเผาผลาญในร่างกายผิดปกติ
แบบเรื้อรัง ภาวะหมดไฟ (Burnout) ระดับภูมิคุ้มกันลดลง ความต้องการทางเพศลดลง ความดันโลหิตสูง ตลอดจนความผิดปกติทางจิต
แนวทางจัดการปัญหาสุขภาพจิต ในองค์กร
- ลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด องค์กรควรประเมินและจัดการปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน เช่น การลดภาระงานที่มากเกินไป การจัดการเวลาที่เหมาะสม และการจัดหาเครื่องมือหรือทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
- ปรับปรุงการสื่อสารในที่ทำงาน พัฒนาการทำงานเป็นทีม การสื่อสารที่ดีและการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความขัดแย้งและความเข้าใจผิด ซึ่งสามารถลดความเครียดและเพิ่มความร่วมมือในทีมได้
- จัดสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม การจัดสถานที่ทำงานให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สะดวกสบาย และเอื้อต่อการทำงาน จะช่วยลดความตึงเครียดและส่งเสริมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมให้ผู้บริหารสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ผู้บริหารควรมีบทบาทในการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต การแสดงความใส่ใจและการเป็นตัวอย่างที่ดีจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน
- ให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพจิต จัดการอบรมหรือกิจกรรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตแก่พนักงาน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต พร้อมแนะนำวิธีการจัดการปัญหาเบื้องต้น
- ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ ส่งเสริมให้พนักงานเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือกิจกรรมกลุ่มที่ช่วยลดความเครียด
- ดูแลใส่ใจพนักงานที่ประสบปัญหาสุขภาพจิตอย่างเหมาะสม จัดให้มีระบบสนับสนุนสำหรับพนักงานที่ประสบปัญหาสุขภาพจิต เช่น การให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยา หรือการมีแผนการช่วยเหลือที่ชัดเจนและเข้าถึงได้ง่าย
ที่มา สภากาชาดไทย