คำนวณเงินเดือนโปรเรตและ OT ง่ายเวอร์ พร้อมตัวอย่างเข้าใจทันที จัดการได้เป๊ะ

วิธีการคำนวณเงินเดือนแบบโปรเรตและค่าล่วงเวลา (OT) สำหรับผู้เริ่มต้น

1.การคำนวณเงินเดือนโปรเรตแบบง่ายๆ สำหรับพนักงานใหม่

การคำนวณเงินเดือนโปรเรตสำหรับพนักงานที่เข้าทำงานกลางเดือนสามารถทำได้ 2 วิธี คือ คำนวณตามจำนวนวันจริงในเดือน หรือใช้ 30 วันเท่ากันทุกเดือน ซึ่งวิธีที่เลือกจะส่งผลต่อจำนวนเงินที่พนักงานได้รับโดยตรง ทั้งนี้ การคำนวณทั้งสองวิธีมีความถูกต้องและเป็นธรรม ขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัท

1.1 คำนวณเงินเดือนตามวันจริงในเดือน

การคำนวณเงินเดือนโดยใช้จำนวนวันในเดือนนั้น ๆ เป็นตัวหารจะช่วยให้พนักงานได้รับเงินที่ถูกต้องและสอดคล้องกับจำนวนวันที่ทำงานจริงในแต่ละเดือน

1.2 คำนวณเงินเดือนโดยใช้ 30 วันทุกเดือน

การใช้ 30 วันเป็นตัวหารทุกเดือนเป็นวิธีที่ง่ายและสม่ำเสมอ ช่วยให้การคำนวณเงินเดือนไม่ซับซ้อนแม้จะมีความแตกต่างของจำนวนวันในแต่ละเดือนการคำนวณเงินเดือนเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของฝ่าย HR โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานเข้ามาเริ่มงานหรือออกจากงานกลางเดือน จึงจำเป็นต้องใช้การคำนวณเงินเดือนแบบ "โปรเรต" เพื่อให้พนักงานได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมตามจำนวนวันที่ทำงานจริง และหากพนักงานทำงานล่วงเวลา (OT) จะต้องเพิ่มค่าล่วงเวลาเข้าไปในเงินเดือนด้วย

2. วิธีคำนวณค่าล่วงเวลา (OT) แบบโปรเรตและสำหรับนโยบายบางกิจการหากหักวันขาดงานด้วยจะทำอย่างไรเรามีตัวอย่าง

ค่าล่วงเวลา (OT) คำนวณจากค่าจ้างต่อชั่วโมง โดยอัตรา OT คือ 1.5 เท่าของค่าจ้างปกติ นอกจากนี้ หากพนักงานมีการขาดงาน ต้องทำการหักเงินตามจำนวนวันที่ขาดงานจากเงินเดือนโปรเรต การคำนวณนี้ช่วยให้การจ่ายเงินเป็นธรรมและตรงตามการทำงานจริงของพนักงาน

ในบทความนี้จะอธิบายวิธีการคำนวณเงินเดือนโปรเรตและค่าล่วงเวลาอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

 

ข้อมูลพื้นฐาน

  • เงินเดือนเต็มเดือน: 30,000 บาท
  • พนักงานเริ่มงานวันที่: 14 ตุลาคม
  • เดือนตุลาคมมี: 31 วัน
  • พนักงานทำงานล่วงเวลา (OT) จำนวน: 3 ชั่วโมงในวันที่ 16
  • วันทำงานปกติ: 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • OT คิดที่อัตรา: 1.5 เท่าของอัตราจ้างต่อชั่วโมง
  • พนักงานขาดงาน: 2 วัน

 

การคำนวณเงินเดือนโปรเรต

การคำนวณเงินเดือนโปรเรตจะพิจารณาจากจำนวนวันที่พนักงานทำงานในเดือนนั้น โดยอาจมีสองวิธีที่นิยมใช้ คือ:

1.วิธีคำนวณตามจำนวนวันจริงในเดือน

ในกรณีที่ใช้จำนวนวันในเดือนนั้นๆ เป็นตัวหาร เช่น ในเดือนตุลาคมมี 31 วัน หากพนักงานเริ่มทำงานวันที่ 14 ถึงวันที่ 31 พนักงานทำงานทั้งหมด 18 วัน

  • การคำนวณ

2. วิธีคำนวณโดยใช้ 30 วันเป็นตัวหารทุกเดือน

ในกรณีนี้จะใช้ 30 วันเป็นตัวหารเท่ากันทุกเดือน ไม่ว่าเดือนนั้นจะมีจำนวนวันจริงเท่าใดก็ตาม เช่น การคำนวณเดือนตุลาคมจะใช้ 30 วันเป็นฐาน

  • สูตรคำนวณ

  • การคำนวณ

 

การคำนวณค่าล่วงเวลา (OT)

ในกรณีที่พนักงานทำงานล่วงเวลา (OT) จะต้องมีการคำนวณเพิ่มเติม โดยค่าล่วงเวลาจะคิดจากอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ซึ่งต้องรู้ค่าจ้างต่อชั่วโมงของพนักงานก่อน

1.การคำนวณค่าจ้างต่อชั่วโมง

  • การหาค่าจ้างต่อชั่วโมงในกรณีหารตามวันจริงในเดือน
  • 30,000/31 (จำนวนวันในงวด) = 967.74 บาท 
  • นำ 967.74/8 (จำนวนชั่วโมงทำงานต่อวัน) = 120.96 บาท

  • ค่าจ้างต่อชั่วโมงในกรณีหาร 30 วัน

2.การคำนวณค่าล่วงเวลา

OT จะคิดที่อัตรา 1.5 เท่าของอัตราจ้างต่อชั่วโมง

  • ค่าล่วงเวลา (OT) กรณีหารตามวันจริงในเดือน

  • ค่าล่วงเวลา (OT) กรณีหาร 30 วัน

3.คำนวณ OT ทั้งหมด

  • กรณีหารตามวันจริงในเดือน

  • กรณีหาร 30 วัน

 

การหักเงินจากการขาดงาน

หากพนักงานขาดงาน 2 วัน เราต้องทำการหักเงินจากเงินเดือนโปรเรตตามจำนวนวันที่ขาดงาน

1.การคำนวณค่าจ้างต่อวัน

  • ค่าจ้างต่อวันในกรณีหารตามวันจริงในเดือน

  • ค่าจ้างต่อวันในกรณีหาร 30 วัน

  • กรณีหารตามวันจริงในเดือน

เงินที่หักเนื่องจากขาดงาน=967.74×2=1,935.48 บาท

  • กรณีหาร 30 วัน

เงินที่หักเนื่องจากขาดงาน=1,000×2=2,000 บาท

 

รวมเงินเดือนโปรเรต ค่าล่วงเวลา และการหักเงินจากการขาดงาน

กรณีหารตามวันจริงในเดือน

  • เงินเดือนโปรเรต: 17,419.35 บาท
  • ค่าล่วงเวลา: 544.38 บาท
  • หักเงินขาดงาน: 1,935.48 บาท

รวมเงินเดือนสุทธิ=17,419.35+544.38−1,935.48=16,028.25 บาท

กรณีหาร 30 วัน

  • เงินเดือนโปรเรต: 18,000 บาท
  • ค่าล่วงเวลา: 562.5 บาท
  • หักเงินขาดงาน: 2,000 บาท

รวมเงินเดือนสุทธิ=18,000+562.5−2,000=16,562.5 บาท

การเลือกวิธีการคำนวณขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท ซึ่งทั้งสองวิธีมีความถูกต้อง เพียงแต่ใช้ฐานการคำนวณที่แตกต่างกัน

 

สรุป

  • การคำนวณเงินเดือนโปรเรตคือการคำนวณตามจำนวนวันที่พนักงานทำงานจริง หากพนักงานทำงานไม่ครบเดือน
  • การคำนวณเงินเดือนโปรเรตสามารถทำได้ 2 วิธี คือ หารตามจำนวนวันในเดือนจริง หรือใช้ 30 วันเป็นตัวหารทุกเดือน
  • หากพนักงานทำงานล่วงเวลา (OT) จะต้องคำนวณอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงและเพิ่มค่าล่วงเวลาเข้าไป
  • ในกรณีที่พนักงานขาดงาน จะต้องหักเงินตามจำนวนวันที่ขาดงานออกจากเงินเดือน

การคำนวณเงินเดือนที่ถูกต้องช่วยให้การจัดการค่าใช้จ่ายเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับพนักงานและองค์กร

 

กรณี มีโอทีและนโยบายบริษัท คำนวณค่าจ้างในฐานคำนวณจากวันทำงานเราจะคำนวณเงินเดือนโปรเรตและค่าล่วงเวลา (OT) โดยพิจารณาในสองกรณี คือ

1. การคำนวณจากจำนวนวันจริงในเดือน

2. การคำนวณจากจำนวน 30 วันเท่ากันทุกเดือน

 

ข้อมูลพื้นฐาน:

  • เงินเดือนเต็มเดือน: 30,000 บาท
  • พนักงานเริ่มงานวันที่: 14 ตุลาคม
  • พนักงานทำงานล่วงเวลา (OT) จำนวน: 3 ชั่วโมงในวันที่ 16
  • วันทำงานปกติ: 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • OT คิดที่อัตรา: 1.5 เท่าของอัตราจ้างต่อชั่วโมง
  • พนักงานขาดงาน: 2 วัน
  • จำนวนวันที่ทำงานจริง: 16 วัน (จาก 18 วันทำงาน หัก 2 วันที่ขาดงาน)

 

กรณีที่ 1: คำนวณตามจำนวนวันจริงในเดือน

1. คำนวณเงินเดือนโปรเรต

เดือนตุลาคมมี 31 วัน พนักงานทำงานตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 31 รวมทั้งหมด 18 วัน แต่เนื่องจากพนักงานขาดงาน 2 วัน จะทำให้จำนวนวันที่ทำงานจริงเป็น 16 วัน

  • สูตรคำนวณเงินเดือนโปรเรต:

  • การคำนวณ

2. คำนวณค่าจ้างต่อชั่วโมงจากจำนวนวันทำงานจริง

  • คำนวณค่าจ้างต่อวัน:

  • คำนวณค่าจ้างต่อชั่วโมง:

3. คำนวณค่าล่วงเวลา (OT)

  • OT คิดที่ 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง:

  • ค่าล่วงเวลาสำหรับ 3 ชั่วโมง:

4. รวมเงินเดือนโปรเรต ค่าล่วงเวลา และหักเงินจากการขาดงาน

  • เงินเดือนโปรเรต: 15,483.87 บาท
  • ค่าล่วงเวลา (OT): 544.38 บาท

รวมเงินเดือนสุทธิ=15,483.87+544.38=16,028.25 บาท

 

กรณีที่ 2: คำนวณตามจำนวน 30 วันเท่ากันทุกเดือน

1. คำนวณเงินเดือนโปรเรต

ใช้ 30 วันเป็นตัวหาร พนักงานทำงาน 18 วัน (หักขาดงาน 2 วัน) จะทำให้ทำงานจริง 16 วัน

  • สูตรคำนวณเงินเดือนโปรเรต:

  • การคำนวณ:

2. คำนวณค่าจ้างต่อชั่วโมงจากจำนวนวันที่ทำงานจริง

  • คำนวณค่าจ้างต่อวัน:

  • คำนวณค่าจ้างต่อชั่วโมง:

3. คำนวณค่าล่วงเวลา (OT)

  • OT คิดที่ 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง:
  • ค่าล่วงเวลาสำหรับ 3 ชั่วโมง:

4. รวมเงินเดือนโปรเรต ค่าล่วงเวลา และหักเงินจากการขาดงาน

  • เงินเดือนโปรเรต: 16,000 บาท
  • ค่าล่วงเวลา (OT): 562.5 บาท

รวมเงินเดือนสุทธิ=16,000+562.5=16,562.5 บาท

 

สรุปเปรียบเทียบ

1. กรณีคำนวณตามวันจริงในเดือน: พนักงานจะได้รับเงินเดือนสุทธิ 16,028.25 บาท

2. กรณีคำนวณโดยใช้ 30 วันเท่ากันทุกเดือน: พนักงานจะได้รับเงินเดือนสุทธิ 16,562.5 บาท

การเลือกวิธีการคำนวณขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท ซึ่งทั้งสองวิธีมีความถูกต้อง เพียงแต่ใช้ฐานการคำนวณที่แตกต่างกัน