กระบวนการสัมภาษณ์เพื่อการจ้างงาน

ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมตัวของผู้สัมภาษณ์ (Interviewer preparation) 
การสัมภาษณ์ประกอบด้วยผู้สัมภาษณ์และผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ ซึ่งในที่นี้หมายถึงผู้สมัคร เพื่อให้การสัมภาษณ์ดำเนินไปได้ด้วยดีบรรลุวัตถุประสงค์ ผู้สัมภาษณ์จึงจำเป็นต้องเตรียมการดังนี้
1. ศึกษารายละเอียดของใบพรรณนาลักษณะงาน และข้อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของงานที่ได้จากการวิเคราะห์งาน เพื่อใช้ประกอบการเตรียมคำถามที่จะตัดสินความเหมาะสมของผู้สมัคร
2. กำหนดเรื่องที่ต้องการข้อมูลจากผู้สมัคร โดยเน้นเฉพาะด้านความรู้ ทักษะความสามรถและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับงาน
3. ศึกษารายละเอียดและทบทวนข้อมูลในใบสมัครและชีวประวัติย่อ โดยมุ่งเน้นเรื่องต่อไปนี้
        3.1. คำหลักที่สัมพันธ์กับข้อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของงาน
        3.2. พิจารณาเบื้องต้นว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติสอดคล้องกับข้อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของงานหรือไม่
        3.3. ค้นหาทักษะที่อาจถ่านโยงจากงานเดิมที่ระบุไว้ในใบสมัครไปสู่งานใหม่
4. เตรียมคำถามที่คาดว่าผู้สมัครต้องการตอบคำถาม ทั้งนี้เนื่องจากผู้สัมภาษณ์จะต้องชักชวนหรือจูงใจผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดให้ทำงานในองค์กรจึงอาจจำเป็นต้องอธิบายเรื่องต่างๆ เช่น หน้าที่ความรับผิดชอบมาตรฐานการปฏิบัติงาน เงินเดือน ผลประโยชน์เกื้อกูลและสวัสดิการ เป็นต้น
5. กำหนดวิธีการสัมภาษณ์
6. พิจารณาสถานที่สัมภาษณ์ที่มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม มีความเป็นเอกเทศ
7. แจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้าเรื่องเวลา และสถานที่สัมภาษณ์
8. เตรียมคำถามเพื่อให้ได้ข้อมูลต่างๆ ตามที่ต้องการ ให้มีรายละเอียดสอดคล้องกับความมุ่งหมายของการสัมภาษณ์เพื่อการจ้างงานแต่ละตำแหน่ง
 
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างสัมพันธภาพที่ดี (Creation of rapport)
การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้สมัครในระยะเวลาอันสั้นเป็นสิ่งจำเป็น ภาระการสร้างสัมพันธภาพตกเป็นของผู้สัมภาษณ์ ต้องทำหน้าที่เสมือนเจ้าของบ้านต้อนรับแขกผู้มาเยือนผู้สัมภาษณ์ควรระลึกเสมอว่าหัวใจสำคัญของกระบวนการสัมภาษณ์อยู่ที่การสร้างสัมพันธภาพที่ดี อันจะนำไปสู่ความไว้วางใจในการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล อาจกล่าวได้ว่าการสร้างสัมพันธภาพที่ดีเป็นองค์ประกอยหลลักประการหนึ่งที่มีผลต่อความสำเร็จในการสัมภาษณ์
สัมพันธภาพที่ดีเริ่มต้นด้วยการสัมภาษณ์ตรงต่อเวลา ใช้คำถามที่เป็นมิตรเพื่อสร้างไมตรีต่อกัน เช่น หาที่จอดรถยากไหม หรือ เดินทางรถติดมากไหม เป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกับเอง ช่วยผ่อนคลายความเครียดด้านจิตใจของผู้สมัคร นอกจากนี้ผู้สัมภาษณ์ยังต้องใช้การสื่อสารแบบไม่ใช้วาจาวัจนภาษา(Nonverbal communication) ประกอบด้วย เช่น การพยักหน้า กิริยาท่าทางที่เป็นกันเอง และตั้งใจฟังผู้สมัครพูด ช่วยรักษาสัมพันธภาพที่ดีตลอดการสัมภาษณ์ เดอมิส เอ็ม โควาล (Demis M. Kowal) ยืนยันว่าถึงแม้ว่าการสัมภาษณ์เพื่อการจ้างงานจะมุ่งเน้นการสื่อสารด้วยคำพูดเป็นหลัก แต่การแสดงออกทางสีหน้า สายตา และการเคลื่อนไหวทางกาย จะสื่อความหมายด้วย กล่าวคือ การสื่อสารแบบไม่ใช้วาจาจะสื่อความหมายประมาณร้อยละ 80 ของกระบวนการรวบรวมข้อมูลผู้สัมภาษณ์จึงต้องระมัดระวังในพฤติกรรมการแสดงออกซึ่งอาจสื่อความหมายทางลบโดยไม่ตั้งใจจากการตีความหมายของผู้สมัคร
 
แผนภาพ แสดงรายละเอียดพฤติกรรมการสื่อสารแบบไม่ใช้วาจากับการตีความหมายของผู้สมัครซึ่งอาจพบกันเสมอในระหว่างการสัมภาษณ์
แผนภาพ การสื่อสารแบบไม่ใช้วาจาของผู้สัมภาษณ์และการตีความหมายของผู้สมัครซึ่งอาจพบกันเสมอในระหว่างการสัมภาษณ์
 
พฤติกรรมที่แสดงออ การตีความที่เป็นไปได้
นั่งตัวตรงหลังพิงพนักเก้าอี้ควรเปิดเผยตนเองมาก - เป็นการพูดที่เป็นทางการฉันไม่
นั่งอ่านใบสมัคร - ผู้สมัครยังไม่รู้จักว่าฉันคือใคร
พยักหน้า - ผู้สัมภาษณ์เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด
มองออกนอกหน้าต่างบ่อย - ผู้สัมภาษณ์มีใจหมกมุ่นกับเรื่องอื่น
รับโทรศัพท์ - ผู้สัมภาษณ์มีธุระยุ่งเกินไปที่จะมานั่งสัมภาษณ์ฉัน
หน้าบึ้ง - คำตอบของฉันไม่เป็นที่สบอารมณ์
ชำเลืองดูนาฬิกา - การสัมภาษณ์กำลังจะสิ้นสุด
 
ขั้นตอนที่ 3 การแลกเปลี่ยนข้อมูล (Information exchange)
การแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่การได้ข้อมูลจากผู้สมัครตามที่ต้องการโดยผู้สมัครมีจุประสงค์ที่จะให้ผู้สมัครเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับตนเอง หลักการต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในขั้นตอน มีดังนี้
1. สร้างบรรยากาศข้อมูลเป็นกันเอง เพื่อผ่อนคลายความกระวนกระวายใจของผู้สมัครมีการแสดงออกที่เป็นมิตร และให้เกียรติผู้ถูกกสัมภาษณ์
2. ควรตั้งคำถามที่มีลักษณะเป็นการกระตุ้นผู้สมัครให้แสดงความคิดเห็น ไม่ควรใช้คำถามที่ต้องตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่
3. ควรหลีกเลี่ยงคำถามนำ หรือคำถามที่แสดงความลำเอียงของผู้สัมภาษณ์ แม้ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ที่กำหนดโครงสร้างคำถามไว้ล่วงหน้าก็ตาม
4. ถามคำถามทีละหนึ่งคำถาม
5. ต้องให้ผู้สมัครเข้าใจคำถามอย่างแจ่มแจ้ง โดยไม่ต้องแสดงให้ผู้สมัครคาดการณ์ได้ว่าคำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร
6. ควรใช้ภาษาและถ้อยคำที่มีความหมาย ง่ายต่อความเข้าใจ ไม่พูดเร็วจนเกินไป
7. ใช้คำถามที่ให้ความเป็นมิตร โดยมีแบบแผนของลักษณะคำถามที่ดี และใช้น้ำเสียงเหมาะสม
8.ไม่ควรถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองและศาสนา หรือลักธิความเชื่อ เพราะอาจเกิดการโต้แย้งขึ้นได้
9. เปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้พูดอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าผู้สมัครจะหยุดพูดไปชั่วระยะหนึ่ง ผู้สัมภาษณ์ควรจะหยุดนิ่งอยู่ก่อน เพื่อให้โอกาสผู้สมัครพูดหรืออธิบายเพิ่มเติมอีก
10. ไม่ควรแสดงความคิดเห็นใดๆ ในขณะที่ผู้สมัครพูด เว้นแต่สิ่งนั้นจะมีความสำคัญต่อผู้สมัครหรือคอยจนกว่าผู้สมัครได้อธิบายจบแล้ว
11. กระตุ้นให้ผู้สมัครพูดเกี่ยวกับตัวเองให้มากที่สุด ผู้สัมภาษณ์ไม่ควรผูกขาดการสนทนา
12. ต้องฟังผู้สมัครอย่างตั้งใจและมีเหตุผล
13. ต้องสังเกตปฎิกริยาต่างๆ ของผู้สมัครประกอบด้วย เพื่อได้ทราบความเหมาะสมจากท่าทีและวิธีการพูดด้วย
14. ควรให้ผู้สมัครมีโอกาสซักถามเกี่ยวกับองค์การหรืองานบ้าง
15. บันทึกข้อมูลต่างๆ อย่างสมบูรณ์และระมัดระวัง
 
ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นขั้นตอนการดำเนินการสัมภาษณ์ นอกเหนือจากการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะข้างต้นแล้ว ผู้สัมภาษณ์จะต้องเตรียมโครงเรื่องในรูปของคำถามให้ครอบครุมประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของผู้สมัครโดยเฉพาะในแง่ของการจ้างงาน คำถามมักถามเกี่ยวกับเรื่องงาน การศึกษา ประสบการณ์ บุคลิกภาพ เป้าหมายในอาชีพ และความสน เป็นต้น วิคเตอร์ อาร์ ลินควิสท์ (vicyor R. Linqust) ได้รวบรวมคำถาม 50ข้อ ที่ผู้สัมภาษณ์มืออาชีพใช้ถามบ่อยในการสัมภาษณ์เพื่อการจ้างงาน ดังปรากฏในแผนภาพ
คำถาม 50 คำถามที่ผู้สัมภาษณ์มืออาชีพใช้ถามบ่อยในการสัมภาษณ์ มีดังนี้
  1. เป้าหมายในการทำงานของคุณคืออะไร คุณจะว่างแผนให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นอย่างไร
  2. ใคร/อะไร ที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาความสนใจด้านอาชีพของคุณ
  3. องค์ประกอบอะไรบางที่คุณใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกวิชาเอกในการเรียนของคุณ
  4. ทำไมคุณจึงสนใจที่จะทำงานกับบริษัทเรา
  5. เล่าประวัติส่วนตัวของคุณให้เรารู้จักคุณ
  6. สิ่งสำคัญ2-3ประการเกี่ยวกับตำแหน่งงานของคุณ
  7. คุณชอบทำงานประเภทใด
  8. โครงการที่คุณริเริ่มมีอะไรบ้าง
  9. คุณมีความคาดหวังเกี่ยวกับงานหัวหน้าในอนาคตอย่างไรบ้าง
  10. คะแนนเฉลี่ยสะสมของคุณเท่าไร คุณรู้สึกอย่างไรกับคะแนนเฉลี่ยที่ได้
  11. คุณแก้ไขความขัดแย้งที่คุณประสบอย่างไร
  12. จุดดีและจุดบกพร่องของคุณมีอะไรบ้าง
  13. ประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่าที่สุดของคุณมีอะไรบ้าง และทำไม
  14. ข้อวิจารณ์ที่มีประโยชน์ที่คุณได้รับเกี่ยวกับเรื่องอะไร
  15. ยกตัวอย่างปัญหาที่คุณแก้ไข และกระบวนการที่คุณแก้ปัญหา
  16. อธิบายโครงการหรือสถานการที่คุณได้แสดงทักษะเชิงวิเคราะห์ได้ดีที่สุด
  17. สิ่งที่ท้าท้ายที่สุดสำหรับคุณคืออะไร
  18. อธิบายสถานการณ์ที่คุณมีข้อขัดแย้งกับบุคคลอื่น และคุณแก้ไขข้อขัดแย้งเหล่านั้นอย่างไร
  19. ปัญหาใหญ่ที่สุดที่คุณเคยประสบในขณะเรียนในมหาวิทยาลัยคืออะไร
  20. คุณสมบัติในการทำงานเป็นทีมของคุณมีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างประกอบ
  21. ความเป็นผู้นำของคุณมีอะไรบ้าง และอย่างไร
  22. อะไรที่ทำให้คุณสนใจและกังวลใจเกี่ยวกับตำแหน่งในบริษัท
  23. บทบาทความเป็นผู้นำด้านใดเฉพาะที่คุณมี  และท้าท้ายคุณมากที่สุด
  24. ความคิดเชิงสรรค์ของคุณอะไรบ้างที่คุณริเริ่มขึ้น
  25. คุณสมบัติอะไรบ้างที่คุณคิดว่าสำคัญสำหรับตำแหน่งงานนี้
  26. ประสบงานด้านการศึกษาและการทำงานของคุณช่วยเตรียมคุณสำหรับตำแหน่งนี้
  27. โครงการที่คุณทำไปแล้วมีอะไรบ้าง ระบุทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้วย
  28. คุณคิดว่าตั้งแต่คุณเริ่มศึกษาในมหาวิทยาลัย คุณมีการเปลี่ยนแปลงในด้านใดบ้าง
  29. เล่าให้ฟังเกี่ยวกับโครงการที่คุณทำเป็นทีมซึ่งคุณภาคภูมิใจมาก
  30. คุณมีวิธีจูงใจให้คนอื่นทำงานได้อย่างไร
  31. ทำไมคุณเลือก.................เป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร คุณได้ทำอย่างไรบ้าง และได้เรียนรู้อะไรบ้าง
  32. สถานการณ์ใดบ้างที่ทำให้คุณตกอยู่ในความเครียด และคุณจัดการกับความเครียดเหล่านั้นอย่างไร
  33. การตัดสินใจที่ยากที่สุดเท่าที่คุณเคยตัดสินใจมาเรื่องอะไรบ้าง
  34. ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่คุณประสบความล้มเหลว และคุณดำเนินการอย่างไร
  35. เล่าให้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่คุณต้องจูงใจโน้นน้าวให้เชื่อตามความคิดของคุณ
  36. อะไรที่ทำให้คุณกังวลใจมากที่สุด
  37. เราได้รับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยของคุณ ถ้าให้คุณมีโอกาสตัดสินใจอีกครั้ง คุณจะตัดสินใจเหมือนเดิม
  38. คุณสามารถทำอะไรให้กับบริษัทได้บ้าง
  39. คุณรู้สึกอย่างไรกับข้อสงสัยที่มีต่อความน่าเชื่อถือของคุณ
  40. คุณลักษณะที่สำคัญของผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพมีอะไรบ้าง คุณจะแสดงคุณลักษณะที่ดีสักประการหนึ่งได้อย่างไร
  41. สิ่งที่ท้าท้ายคุณในการทำงานคืออะไร
  42. คุณยินดีที่จะเดินทางหรือย้ายที่ทำงานหรือไม่
  43. ยกตัวอย่างความสำเร็จสักสองสามเรื่องที่คุณพอใจ
  44. อธิบายบทบาทความเป็นผู้นำของคุณ และชี้แจงด้วยว่าทำไมคุณจึงให้เวลามากกับ บทบาทเหล่านั้น
  45. คุณมีวิธีการหางานอย่างไร และคุณตัดสินใจอย่างไร
  46. บทเรียนที่มีคุณค่าที่สุดที่คุณ ได้เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนมีอะไรบ้าง
  47. อธิบายสถานการณ์ที่คุณต้องทำงานร่วมกับบุคคลที่ยากที่จะทำงานด้วย หรือบอกว่าคุณเหล่านั้นยากที่จะทำงานด้วยอย่างไร และคุณจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร
  48. เรากำลังจับตาต้นหาผู้สมัครที่มีคุณภาพ ทำไมคุณคิดว่า “ดีที่สุด” สำหรับตำแหน่งนี้
  49. เพื่อนๆ คุณกล่าวถึงคุณว่าอย่างไร และอาจารย์มองว่าคุณเป็นคนอย่างไร
  50. มีอะไรอีกที่เราควรทราบเกี่ยวกับคุณ
ขั้นตอนที่ 4  การยุติการสัมภาษณ์  (Termination of interview)
เมื่อการสัมภาษณ์ได้ข้อมูลครบตามเป้าหมายแล้ว การสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก็ควรสิ้นสุด การยุติการสัมภาษณ์ควรให้ทุกฝ่ายพอใจ กล่าวคือ ไม่ควรใช้เวลาในการสัมภาษณ์นานเกินไป หรือในทางตรงกันข้ามพยามยามรวบรัดการสัมภาษณ์จนแทบไม่ได้ข้อมูลตามที่ต้องการ การยุติการสัมภาษณ์จึงควรทำให้เป็นไปตามธรรมชาติของกระบวนการมากว่าที่จะยุติโดยกระทันหัน
ข้อแนะนำในการปฏิบัติเพื่อยุติการสัมภาษณ์ มีดังนี้
1. ผู้สัมภาษณ์ควรแสดงให้ชัดเจนว่าสิ้นสุดการสัมภาษณ์แล้ว เมื่อก่อนใกล้จะสิ้นสุดการสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์บางคนอาจใช้วิธีการสื่อสารแบบไม่ใช้วาจา เช่น หันไปมองที่ประตู หรือชำเลืองดูนาฬิกา เป็นการส่งสัญญาณว่าการสัมภาษณ์ใกล้จะยุติแล้ว บางท่านอาจใช้คำถามชี้นำ เช่น “คุณมีคำถามสุดท้ายที่จะถามบ้างหรือไม่” เป็นต้น
2. ผู้สัมภาษณ์ควรขอบคุณผู้สมัครที่สละเวลามาและให้ความสำคัญกับองค์การ
3. ผู้สัมภาษณ์ควรแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้าหรือถ้ามีขั้นตอนต่อไปในการคัดเลือกอย่างไรก็ควรแจ้งให้ผู้สมัครทราบด้วยเช่นกัน
4. ผู้สัมภาษณ์ไม่ควรยกย่องชมเชยผู้สมัครหรือพูดในลักษณะให้ความหวังกับ ผู้สมัครเกินความจริงและไม่ให้คำมั่นสัญญาหรือข้อผูกมัดใดๆ กับผู้สมัคร ทั้งนี้เนื่องจากผลการพิจารณายังไม่เป็นที่เรียบร้อย
 
ขั้นตอนที่ 5  การประเมินการสัมภาษณ์ (Evaluation of interview)
ทันทีที่การสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง ผู้สัมภาษณ์จะต้องดำเนินการประเมินผลผู้สมัครทันที เพราะรายละเอียดที่สำคัญได้ถูกบันทึกไว้ และความรู้สึกเกี่ยวกับผู้สมัครยังอยู่ในความทรงจำ ถ้าหากทิ้งไว้นานไปอาจทำให้ลืมรายละเอียดบางอย่างไปได้ ถ้าผู้สัมภาษณ์ใช้แบบประเมินผลการสัมภาษณ์ก็ควรจะได้มีการตรวจสอบและกรอกข้อมูลทุกอย่างให้เรียบร้อย การตัดสินใจบางอย่างจะต้องทำทันทีเกี่ยวกับผู้สมัครว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับในขณะที่ยุติการสัมภาษณ์
 
ที่มา www.siamhrm.com