ในอดีตรถยนต์กระบะ 4 ประตูถูกจัดอยู่ในพิกัดของ "รถยนต์นั่ง" ดังนั้นในอดีตใครที่ซื้อรถกระบะ 4 ประตูมา จะไม่สามารถขอภาษีซื้อคืนจากกรมสรรพากรได้ แต่ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ได้เปรียบพิกัดอัตราภาษีสรรพสามติของรถกระบะ 4 ประตูใหม่ ไม่ให้ถือเป็นรถยนต์นั่งแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเคลมภาษีซื้อได้แล้ว แต่มีเงื่อนไขว่ารถยนต์กระบะต้องออกแบบให้มีน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กก. ที่มีความจุของกระบอกสูงไม่เกิน 3,250 ลบ.ซม.
เนื่องจากสมัยก่อนเวลาที่จะเคลมภาษีซื้อค่าน้ำมันจะมีบางคนชอบจำว่าน้ำมันดีเซลเคลมภาษีซื้อได้ ถ้าเป็นน้ำมันเบนซินห้ามเคลม ซึ่งจริงๆแล้วการจำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะสมัยนี้รถยนต์นั่งบางคันก็เติมน้ำมันดีเซลได้เหมือนกัน
สำหรับเรื่องของภาษีซื้อต้องห้ามสรรพากรบอกว่า “ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่ เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วย พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต” ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้าม (ห้ามนำไปหักกับภาษีขายหรือขอคืนเป็นเงินสด) ถ้าสังเกตด้านบนจะพบว่าการระบุประเภทรถยนต์นั้นให้ดูที่พิกัดอัตราภาษีสรรพสามัติเป็นหลักในการจัดประเภทรถยนต์ โดยป้ายทะเบียนรถกระบะต้องเป็นพื้นขาวเลขทะเบียนเขียว
สินค้ารถยนต์ สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตูตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และคุณลักษณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดจากพิกัด 06.01 ว่าด้วยรถยนต์นั่ง เป็นพิกัด 06.03 รถยนต์กระบะที่ออกแบบสำหรับให้มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 4,000 กิโลกรัม พ้นจากการเป็นรถยนต์นั่ง ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
การเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อภาษีอากร ดังนี้
ภาษีซื้อ ล้าหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู
รวมทั้งภาษีซื้อสำหรับค่าใช้จ่ายที่เที่ยวกีบรถยนต์ไม่ถือเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82 /5 (6] แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2 (1) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)
ต้นทุน สำาหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู
การคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้มา โดยการซื้อหรือเช่าซื้อ ไม่จำกัดมูลค่าต้นทุน ที่จำนวนไม่เกิน 1,000,000 บาท การคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากรและมาตรา 5 แห่งโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527
มูลค่าต้นทุน สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู
ส่วนที่เกินกว่า 1,000,000 บา ไม่เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (20] แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540
ค่าเช่า สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู
ไม่จำกัดที่ 36,000 บาท / คัน/เดือน หรือ 1,200 บาทต่อค้นต่อวัน ตามมาตรา 65 ตรี (20) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540
ที่มา www.iliketax.com
VDO ทริคเพื่อผู้ประกอบการและนักบัญชีป้ายแดงควรทราบ