สมัยก่อน ร้านค้าโชวห่วยถือเป็นธุรกิจที่ยอดขายดีตลอด แต่ในยุคปัจจุบัน นอกจากโชวห่วยที่มีขายอยู่ทั่วไปตามหมู่บ้าน ยังมีร้านสะดวกซื้อเปิดใหม่มากมาย และร้านสะดวกซื้อนอกจากขายสินค้าทั่วไปแล้วยังมีบริการเสริมอื่นๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เรียกว่าเข้าไปร้านเดียวจบ แล้วแบบนี้ร้านโชวห่วยจะสู้ร้านสะดวกซื้อได้อย่างไร และที่สำคัญยังมีนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลอีก ซึ่งกำหนดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แล้วร้านโชห่วยเล็กๆของเราจะอยู่รอดได้ไหม จะสู้ร้านสะดวกซื้อที่ทันสมัยได้หรือเปล่า เราคงต้องหาวิธีกันแล้ว
ทำความรู้จักกับ Thailand 4.0
Thailand 4.0 คือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจที่เรียกว่า เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ( Value–Based Economy) ซึ่งเปลี่ยนจากสินค้าแบบโภคภัณฑ์เป็นนวัตกรรม เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนจากภาคอุตสาหกรรมก็จะไปเน้นในเรื่องของเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม รวมถึงการเน้นการบริการมากกว่าการผลิตสินค้าอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนไปสู่ระดับที่สูงขึ้น อย่างเช่น เปลี่ยนจากธุรกิจธรรมดาที่ภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูง เป็นต้น และตามแนวทางของการพัฒนาตามยุคThailand 4.0 นั้นจะมีการพัฒนาหลายด้าน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SMEs
โชวห่วยควรปรับตัวอย่างไรในยุค Thailand 4.0
1.รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราแย่
สำหรับร้านโชห่วยนั้น ก็ถือเป็นกลุ่มธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นอีกหนึ่งด้านที่อยู่ในนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยการรวมกลุ่มกันเป็นองค์กรจะช่วยให้มีอำนาจต่อรองกับ ซัพพลายเออร์ที่มีหน้าที่ในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของการชำระเงิน มูลค่าของสินค้า รวมถึงความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างเช่น การส่งสินค้าที่ล่าช้าหรือว่า การไม่ได้รับสินค้าหรือได้รับช้ากว่ากำหนด และนอกจากนี้ควรต้องติดตามและตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่ กระบวนการจัดซื้อ การผลิต จัดเก็บ เทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดจำหน่าย และการขนส่งด้วย เพราะว่าหากร้านโชห่วยรวมกลุ่มกันและต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้จะทำให้ร้านโชห่วยนั้น มีสินค้าที่มีคุณภาพดี และมีระบบการจัดการสินค้าที่ดีไม่แพ้ร้านขนาดใหญ่เลย
ในส่วนของร้านโชห่วยของเราก็ต้องดูด้วยว่า ร้านของเรานั้นมีปัญหาอะไรมากที่สุด และค่อยๆแก้ไขในส่วนนั้นก่อน เพื่อให้ปัญหาลดน้อยลง และก็พยายามดูว่าตลาดช่วงนั้นต้องการอะไร ชุมชนนั้นต้องการสินค้าแบบไหน ก็หาแบบนั้นมาขาย มีสินค้าให้หลากหลายกับทุกเพศทุกวัย
2.ปรับแต่งร้านให้ดูสะอาดสะอ้าน ทันสมัย
หากคุณยังเป็นร้านโชวห่วยที่มีฝุ่นเกรอะกรัง และมืดทึบ ถึงเวลาที่จะปรับปรุงรีโนเวทร้านใหม่แล้ว ควรติดไฟให้ร้านสว่างๆ เช็คปัดฝุ่นให้ร้านดูน่าเข้า จัดเรียงวางสินค้าให้เป็นระบบ แยกหมวดหมู่ให้สินค้านั้นหาง่าย หรือหากคุณพอจะมีทุนอยู่บ้าง ก็ปรับปรุงร้านโฉมใหม่ ให้สวยสะดุดตา หรืออาจจะสร้างบรรยากาศปรับเป็นร้านกึ่งๆคาเฟ่ มีมุมถ่ายรูปให้ลูกค้ามาชิลๆ อยากเข้าร้านกัน
3.ใช้เทคโนโลยีออนไลน์ สังคมก้มหน้าให้เป็นประโยชน์
นอกจากนี้อย่าลืมว่าเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีนั้นมีความสำคัญมาก และมีแนวโน้มว่า ธุรกิจทุกอย่างในประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทำธุรกิจมากขึ้น ทำให้สะดวกต่อการติดต่อกับลูกค้า การกระจายสินค้า หรือการขนส่ง และการโฆษณาสินค้า เป็นต้น ซึ่งหากอยากให้ร้านโชห่วยของเรานั้นเป็นที่รู้จัก ให้คุณลองใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ เช่น มี wi-fi ให้ลูกค้าได้เล่น หรือว่า หากตัวเราเองนั้นพอจะเข้าใจพวกสังคมออนไลน์อยู่บ้างก็น่าจะช่วยได้ไม่น้อยเลย เช่น เราอาจโปโมตร้านของเราผ่านเฟสบุค ไลน์ อินสตาแกรมก็ได้ หรืออาจจะสร้างเพจ หรือนำไปโปรโมตตามกลุ่มต่างๆในเฟสหรือไลน์ก็ได้ โดยจะต้องมีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ แปลกใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่าง รับรองได้เลยว่าคนจะให้ความสนใจร้านของคุณมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้คุณนั้นบริหารร้านของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะว่าคุณสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือว่าเปลี่ยน แก้ไขอะไรก็สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็วทันใจ
การ live สดในเฟสบุค แนะนำร้านก็อาจจะมีการให้กด like หรือกด share จับแจกรางวัลไปเลย ซึ่งจะทำให้ร้านของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย และนอกจากนี้ยังอาจจัดโปรโมชั่นตามเทศกาลต่างๆ จะเป็นวาเลนไทน์ คริสต์มาส ปีใหม่ก็ว่ากันไปเลย และเมื่อยอดขายเริ่มเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะมีการขยายสาขาออกไปอีก หรือการสร้างแฟรนไชส์ ซึ่งถือเป็นเรื่องของการทำ Start up เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของประเทศไทย 4.0 เป็นการต่อยอดธุรกิจที่ดีอย่างหนึ่ง เมื่อเราเริ่มมีหลายสาขาก็จะมีเงินทุนหมุนเวียนในร้านของเราเพิ่มมากขึ้น ก็จะต้องเริ่มสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักกันบ้าง เหมือนอย่าง พวกเซเว่น อะไรแบบนี้ไง ถ้าไปถึงระดับนั้นได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ไม่ได้แล้วล่ะในยุคนี้ และไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเลิกกิจการด้วย เพราะว่ามีการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนนั่นเอง
4.จัดกิจกรรมโปรโมชั่น สร้างสีสันให้กับร้าน
อย่างเช่น การซื้อของแล้วมีการแจกแต้มหรือสติ๊กเกอร์ เพื่อแลกของรางวัลต่างๆ เราก็ต้องหาของที่สามารถใช้ได้จริงหรือว่าเป็นของที่น่าสะสมเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าซื้อของให้ถึงมูลค่าที่กำหนด เพื่อจะได้สติ๊กเกอร์สะสมเพื่อแลกของชิ้นนั้นต่อไป รับรองเลยว่ายอดขายคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หรืออาจจะมีโปรโมชั่นลดราคา เมื่อซื้อสินค้าครบกี่บาทก็ได้ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเรามากขึ้น เพื่อจะได้โปรโมชั่นลดราคานั่นเอง
ขยันจัดโปรโมชั่น สร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า สร้างจุดเด่นของร้านให้เป็นที่รู้จักในพื้นที่ให้ได้ อย่างเช่น อาจคัดพนักงานหน้าตาสวยหล่อ หรือมีนักดนตรีเล่นเพลงเพราะๆ ก็ทำให้คนอยากเข้ามากขึ้น เผลอๆ ยอดขายพุ่งด้วยนะ เพราะว่า อาจมีคนนำไปลงสื่อออนไลน์ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีคนพูดถึงมากขึ้น คนก็อยากมาดูให้เห็นกับตา
วิธีการทั้งหมดที่กล่าวมา น่าจะช่วยให้ร้านโชห่วยธรรมดา อยู่ได้ในสังคมสมัยประเทศไทย 4.0 ซึ่งทำแค่เปิดใจเริ่มต้นเรียนรู้ ศึกษาใส่ใจกับร้านโชห่วยของคุณ ก็จะเปลี่ยนจากร้านโชห่วยธรรมดายอดขายตกพลิกสถานการณ์เป็นร้านโชห่วยแสนสะดุดตายอดขายปังได้ไม่ยากเลยล่ะ เข้ากับยุคประเทศไทย 4.0 พอดีเลย เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้รับรองว่า คุณจะมีร้านโชห่วยที่ทันยุคทันสมัยที่สุด
ที่มา taokaemai.com