HR ปรับตัวรับการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการเงินของบริษัทโดยตรง ดังนั้น HR ต้องรู้จักปรับตัวหากต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มความพึงพอใจและความมุ่งมั่นของพนักงานในองค์กร

          การปรับตัวรับการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ต้องจัดการอย่างมีระบบและรอบคอบ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่และไม่กระทบต่อความเสถียรทางการเงินขององค์กร การนำเสนอผู้บริหารเพื่อขออนุมัติการปรับค่าแรงขั้นต่ำควรมีการวิเคราะห์และเสนอแนวทาง

  • เสนอแนวทาง สรุปนโยบาย กรอบงบประมาณในการปรับ

ตรวจสอบกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการปรับค่าแรงงานขั้นต่ำเพื่อให้แน่ใจว่าการปรับนั้นสอดคล้องกับข้อกำหนด วิเคราะห์ผลกระทบของการปรับค่าแรงขั้นต่ำต่อองค์กร ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและการดำเนินงาน วางแผนการปรับตัวในด้านต่าง ๆ เช่น การปรับโครงสร้างเงินเดือน การจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาทักษะพนักงาน คำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งในแง่ของค่าแรง ค่าสวัสดิการ และผลประโยชน์อื่น ๆ วางแผนการจัดสรรงบประมาณเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการจัดหางบประมาณเพิ่มเติมหากจำเป็น

  • สรุปข้อมูลค่าใช้จ่ายในมิติต่าง ๆ แล้วเทียบกับรายได้องค์กรก่อนการปรับ

สรุปค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับค่าแรงขั้นต่ำในมิติต่าง ๆ เช่น ค่าแรง ค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ ค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม  เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกับรายได้องค์กรก่อนการปรับ เพื่อวิเคราะห์ความสามารถในการรองรับค่าใช้จ่าย

  • จะลองตัวเลขการปรับทั้งแบบรายบุคคลและในภาพรวม

คำนวณการปรับค่าแรงแบบรายบุคคลเพื่อให้เห็นผลกระทบที่ชัดเจนต่อพนักงานแต่ละคน  สรุปผลกระทบในภาพรวมเพื่อให้เห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวขององค์กร

  • นำเสนอผู้บริหารเพื่อขออนุมัติ

จัดทำเอกสารเสนอที่สรุปแนวทางการปรับ นโยบาย กรอบงบประมาณ และข้อมูลการคำนวณต่าง ๆ อย่างชัดเจนและครบถ้วน นำเสนอข้อมูลดังกล่าวในที่ประชุมผู้บริหาร พร้อมเสนอแนวทางการปรับตัวและแผนการดำเนินงานเพื่อขออนุมัติ

 

ที่มา hrnote