ก่อนที่เราจะเปลี่ยนงานหรือเกษียณอายุงาน ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร สิ่งนั้นก็คือ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” หรือ PVD ซึ่งเป็นกองทุนที่คนทำงานมักเลือกลงทุน เพราะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการออมเงินที่ดี สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และสามารถลงทุนได้เกิน 15% ของเงินเดือน เพียงแต่มีเงื่อนไขการลงทุน เช่น ห้ามขายก่อนอายุครบ 55 ปีและถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี แล้วถ้าวันนี้เราย้ายบริษัทหรือย้ายงานจะจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างไรดี มาดูกันดีกว่าจะมีวิธีจัดการแบบไหนบ้าง
1. ฝากไว้กับ บลจ. เดิมก่อน
สามารถเลือกคงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับบริษัทเดิมก่อนได้ แต่อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมที่แต่ละ บลจ. ที่เป็นผู้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นผู้กำหนด และฝากไว้ไม่ต่ำกว่า 90 วันนับ ตั้งแต่วันที่ลาออกจากงานเดิม ทั้งนี้ระยะเวลาการฝากขี้นอยู่กับข้อบังคับของแต่ละกองทุนว่าฝากไว้ได้มากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งการทำแบบนี้เป็นวิธีที่หลายคนเลือกใช้ เพราะตอนที่ย้ายไปทำงานที่ใหม่ จะอยู่ในช่วงทดลองงาน ยังไม่ได้เลือกหรือเข้าเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ ซึ่งอาจต้องรอการผ่านช่วงทดลองงานถึงจะเลือกกองทุนใหม่ได้ การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อย้ายงานโดยการฝากไว้ที่เดิมเผื่อเป็นหลักประกันว่าที่ใหม่ไม่เวิร์ค หรือไม่ผ่านการทดลองงาน ก็ยังสามารถเก็บกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ได้
2. ย้ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่
ผ่านช่วงของการทดลองงานและได้เซ็นสัญญาเป็นพนักงานเต็มตัวแล้ว หลังย้ายงานสามารถจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยการโอนจากบริษัทเก่ามาที่ทำงานใหม่ได้ โดยจะมีวิธีโอนย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยกัน 2 แบบคือ
- ให้กองทุนเดิมออกเช็คแล้วนำไปยื่นให้กับ HR ของที่ทำงานใหม่เพื่อดำเนินการนำกองทุนของไปบริหารจัดการต่อ
- ให้ทางกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ออกเช็คแล้วส่งไปที่กองทุนที่บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ได้เลย
3. โอนเงินเข้าไปซื้อกองทุน RMF สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
สำหรับวิธีย้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไป RMF นี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนงานใหม่และกำลังหาทางจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อลาออกจากบริษัทเก่า โดยที่อาจไม่ต้องคงสภาพกองทุนไว้ที่ บลจ. เดิม สามารถโอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปซื้อกองทุนแบบ RMF ที่รองรับ PVD ได้เลย เพียงแค่ทำตามเงื่อนไขของ บลจ. ปลายทางที่กำหนดเอาไว้
4. เปลี่ยนสภาพกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินสด
หากใครที่ต้องการเกษียณตัวเองจากงานประจำ หรือมีเหตุด่วนที่ต้องใช้เงินสด ก็สามารถเปลี่ยนสภาพเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังออกจากงานกลับมาเป็นเงินสดได้ เพียงแต่ว่าอาจต้องมีภาระภาษีที่ตามมาด้วย นั่นก็เพราะปกติเงินสดที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะต้องเสียภาษีด้วยกัน 3 ส่วน คือ
- เงินสมทบส่วนของนายจ้าง
- ผลตอบแทนจากเงินสมทบส่วนของนายจ้าง
- ผลตอบแทนจากเงินสะสมส่วนของตนเอง
โดยที่อาจต้องคำนวณเงินที่จะต้องเสียภาษีหากจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังลาออกให้เป็นเงินสดเพื่อนำมาใช้ในกรณีเร่งด่วน แบ่งเป็น 3 กรณีหลัก ๆ ดังนี้
- หากอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของมีอายุ 5 ปี ขึ้นไป เงิน 3 ส่วนที่เคยได้รับต้องเลือกแยกคำนวณภาษีจากรายได้อื่น ๆ ด้วยใบแนบ ภ.ง.ด.90/91
- หากอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของมีอายุ 5 ปี ขึ้นไป เงิน 3 ส่วนที่ได้รับต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับรายได้อื่น ๆ เช่น หากเดิมฐานภาษี 40% เงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ต้องเสียภาษีที่อัตรา 40% เป็นต้น
- หากว่ามีอายุที่ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอายุ 5 ปี ขึ้นไป เงินสดที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะได้รับการยกเว้นภาษีโดยอัตโนมัติ ซึ่งในกรณีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการลาออกจากงานประจำเพื่อตั้งใจเกษียณอายุ
สำหรับวิธีจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อลาออกแบบนี้ หากไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินด่วน อยากให้เก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะนอกจากจะไม่ต้องรับภาระในการชำระภาษี เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังเป็นตัวช่วยที่ดี หากวันหน้าเกษียณอายุจากงานจะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายแบบสบาย ๆ
ที่มา Krungsri GURU