รวมเทคนิค หาพนักงานอย่างไรให้ได้คนที่ตามหา

             แม้จะมีผู้คนหางานมากมาย แต่กว่าจะเจอคนที่ใช่จนเจอ อาจจะขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของข้อมูลที่ใช้ในการลงประกาศรับสมัครงาน รวมถึงช่องทางการประกาศรับสมัคร เช่น การใช้โซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์หางาน มันก็เป็นหัวใจหลักในกระบวนการหาคนทำงานค่ะ นอกจากนี้การสื่อสารและการเข้าใจกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อทำให้ได้ข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการลงประกาศรับสมัครงานที่มีคุณภาพ นอกจากนี้, การรับฟังความคิดเห็นจาก HR หรือการเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของนายจ้างก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน

1.นายจ้างหาคนงาน อยากได้ตัวตึงต้องจ่ายให้เหมาะสม

             เรื่องแรกที่ควรให้ความสำคัญอย่างสูงในกระบวนการหาคนทำงานคือค่าจ้างที่นายจ้างต้องเสนอ. การเข้าใจและเปิดใจยอมรับว่าการชำระค่าจ้างสำหรับคนงานที่มีทักษะสูงต้องสอดคล้องกับระดับทักษะของพนักงานนั้น ๆ ถ้าต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติและทักษะตรงตามที่ต้องการอย่างสุด คุณสมบัตินั้นควรไปพร้อมกับค่าจ้างที่เหมาะสม.

             การสำรวจค่าจ้างในตลาดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อทราบว่าบริษัทอื่น ๆ ที่มีตำแหน่งงานที่คล้ายกันมีการเสนอค่าจ้างอย่างไร. นอกจากนี้, การตั้งค่าค่าจ้างที่เหมาะสมสามารถช่วยดึงดูดผู้สมัครที่มีความสนใจในตำแหน่งงานของคุณมากขึ้น, โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการคนทำงานโดยด่วน. บริษัทที่เสนอค่าจ้างที่สูงกว่ามักจะมีการดึงดูดผู้สมัครมากมาย

             การประกาศรับสมัครงาน ต้องคำนึงเสมอเลยว่า คนเก่งที่มีทักษะเฉพาะทาง เป็นที่ต้องการสูง มีโอกาสเข้ามาให้เลือกมากมาย เป็นธรรมดาที่เขาจะเลือกโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ดังนั้นถ้าอยากได้ เราก็ต้องเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขา

             อย่างไรก็ตาม HR จะสื่อสารให้นายจ้างและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าใจเรื่องนี้ได้นั้น ก็ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนไปนำเสนอด้วย โดยเฉพาะข้อมูลเงินเดือนที่บริษัทอื่นลงประกาศ เช่น บริษัทคู่แข่ง หรือบริษัทที่มีสินค้าคล้ายกัน ซึ่งสำรวจได้ใน เว็บไซต์หาพนักงาน หรือโซเชียลก็ได้ ไม่ควรพูดแค่ว่า “จ้างถูก ใครจะสมัคร” HR จะถูกมองว่าไม่มีความสามารถมากพอ

             แต่ถ้าเราจ้างน้อยกว่าตลาด และไม่สามารถเพิ่มงบได้ ก็ควรปรับลดคุณสมบัติให้เหมาะสมกับค่าจ้างของเรา ซึ่งเรื่องนี้ HR ต้องปรึกษากับนายจ้างหรือต้นสังกัดของตำแหน่งงานนั้น เพื่อพิจารณาให้สอดคล้องกับหน้าที่งาน ให้การ หาพนักงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่จะทำได้

             และอีกสิ่งสำคัญที่ผู้สมัครต้องการทราบมากที่สุดก็คือ จำนวนเงินเดือนที่เป็นตัวเลขชัดเจน ไม่ควรระบุว่า ตามตกลง, ตามประสบการณ์ หรือตามโครงสร้างบริษัท การประกาศรับสมัครงานแบบนี้ มักถูกผู้สมัครมองข้าม แย่ไปกว่านั้นคือ บริษัทเราจะถูกมองในแง่ลบว่า เหตุผลที่ไม่ระบุเงินเดือนเป็นตัวเลขก็เพราะว่าต้องการกดเงินเดือน เสียภาพลักษณ์ของเราด้วย

2.หาพนักงาน ต้องเลือกช่องทางให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

             งานที่น่าสนใจและมีเงินเดือนดีมักทำให้เรามั่นใจว่าจะมีผู้สมัครเข้ามารับงานเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเราเลือกช่องทางการประกาศรับสมัครงานที่ไม่เหมาะสม, ชีวิตของเราอาจเปลี่ยนไปทันที. บางครั้ง, การเลือกใช้โซเชียลมีเดีย อย่างใน Facebook จะมีกลุ่มหางานตามสายงานและพื้นที่เขต อำเภอ หรือจังหวัดต่าง ๆ พื้นฐานเลยก็ต้องเลือกให้ตรงหรือใกล้เคียงกับตำแหน่งงานที่ต้องการ หาพนักงาน ห้ามเด็ดขาดกับวิธีลงประกาศรับสมัครงานให้เยอะที่สุด เจอช่องทางไหนก็โพสต์ ๆ ๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย และยังส่งผลให้ตำแหน่งงานของเราดูไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย

3.หาคนทำงาน ต้องรู้ลึกคุณสมบัติและหน้าที่ของตำแหน่งนั้น

             ประกาศงานที่น่าสนใจและดึงดูดผู้สมัครได้มากที่สุด และยังเพิ่มโอกาสให้เราหาคนทำงานได้ตรงตามต้องการ คือ ข้อมูลคุณสมบัติและหน้าที่งานครบถ้วนชัดเจน เพศ, อายุ, วุฒิการศึกษา ทักษะ, ประสบการณ์ หรืออื่น ๆ ที่สำคัญสำหรับงานนั้น แล้วหลัก ๆ จะต้องทำอะไรบ้าง ควรระบุหน้าที่ความรับผิดชอบ เรียงเป็นข้อ ๆ 1 2 3 4 ให้ผู้สมัครเห็นภาพโดยรวมว่า งานนั้นต้องทำอะไรบ้าง แล้วสามารถนำมาพิจารณากับตัวเองได้ว่า เขามีทักษะที่ตรงกับงานนั้นมากพอรึเปล่า รวมถึงชื่อตำแหน่งงานด้วย เห็นแล้วต้องเข้าใจได้คร่าว ๆ เลยว่า งานนั้นคืองานอะไร ไม่ควรใช้ชื่อเฉพาะที่เดาไม่ได้เลยว่า มีหน้าที่อะไร เช่น พนักงานประจำสาขา หรือชื่อที่ยาวเกินไป อาทิ การตลาดและประสานงานธุรการการขาย อ่านแล้วงงในงงว่า มันคือตำแหน่งอะไรกันแน่

             ทั้งนี้ ถ้าข้อมูลไม่ชัดเจน การลงประกาศรับสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์หาพนักงาน หรือช่องทางไหนก็จะกลายเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าไปเลย อาจไม่มีคนสมัครหรือได้คนที่ไม่ตรงตามต้องการ ดังนั้น ข้อมูลจากต้นสังกัดที่ต้องการ หาพนักงาน ต้องครบถ้วนชัดเจน HR ก็ต้องสื่อสารให้เขาเข้าใจ ซึ่งจริง ๆ เรากำลังทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อเขา เพราะเขาเองก็จะได้คนที่พร้อมทำงานเข้ามาด้วย ถ้าไม่เปิดใจรับฟังก็เกินไปแล้วน้า

แต่ข้อควรระวังก็คือ ความครบถ้วนชัดเจนของข้อมูลนั้นต้องกระชับ ไม่ยาวเกินไป อย่างหน้าที่ความรับผิดชอบ  ให้เลือกระบุเฉพาะหน้าที่หลัก ไม่ใช่ใส่ทุกอย่างมาแล้วปิดท้ายด้วยคำว่า และอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ประกาศรับสมัครงาน แบบนี้อาจทำให้ผู้สมัครตกใจไม่กล้าสมัคร เพราะรู้สึกว่า โอ้โห ใช้งานหนักเกินคุ้มไปแล้ว ไม่ไหวจ้า

4.ลงประกาศรับสมัครงาน ระบุข้อมูลให้ครบถ้วนชัดเจน

             นอกจากเงินเดือนที่เหมาะสมกับทักษะความสามารถที่ระบุเป็นตัวเลขชัดเจน คุณสมบัติ หน้าที่ความรับผิดชอบ ที่ระบุครบถ้วน ข้อมูลพื้นฐานอื่น ๆ สำหรับลงประกาศรับสมัครงานก็สำคัญเช่นกัน อาทิ ชื่อบริษัท, สถานที่ปฏิบัติงาน, วันและเวลาทำงาน ,สวัสดิการพิเศษ มีอะไรระบุให้ครบ จะช่วยให้ ประกาศรับสมัครงาน น่าสนใจมากขึ้น หลายบริษัทก็แข่งกันด้วยเรื่องนี้ ถ้าระบุแค่ประกันสังคมหรือชุดพนักงานที่ทุกบริษัทต้องมีอยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรดึงดูดผู้สมัครเลย

             รวมถึงโลโก้บริษัท เพื่อความน่าเชื่อถือ ต้องเป็นไฟล์ที่ชัดเจน ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมลสำหรับส่งเรซูเม่ ห้ามลืมเด็ดขาด แล้วก่อนที่จะลงประกาศ ทั้งช่องทางเว็บไซต์หาพนักงาน หรืออื่น ๆ เราต้องตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดเลย ว่าถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อยสมบูรณ์รึยัง

             HR ที่ต้องการ หาพนักงาน หรือนายจ้างหาคนงาน ต้องรู้เลยว่า ประกาศงานสะท้อนถึงภาพลักษณ์บริษัท รวมถึงความละเอียดรอบคอบ ความใส่ใจ ความเป็นมืออาชีพ มีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการสมัครด้วย ดังนั้น ตรวจสอบให้ดี อย่าให้มีพิมพ์ผิด พิมพ์ตก หรือสะกดผิด และข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้องด้วย

             อย่างไรแล้วในฐานะของ HR หรือนายจ้างที่ต้องการหาคนทำงาน ย่อมต้องการเรซูเม่คุณภาพที่ให้ข้อมูลครบถ้วนชัดเจน เพื่อให้พิจารณาได้ว่า ผู้สมัครมีความสามารถตรงกับงานที่ลงประกาศรับสมัครงานแค่ไหน และเรซูเม่ก็สะท้อนถึง ความละเอียดรอบคอบ ความใส่ใจ ความเป็นมืออาชีพของบุคคลนั้นเช่นกัน ฉะนั้น เราอยากได้เรซูเม่แบบไหน ประกาศงานของเราก็ต้องเป็นแบบนั้น

             เมื่อเราได้ผู้สมัครเข้ามาสู่การสัมภาษณ์งาน เราจะได้ตัวตึงที่ตามหาหรือไม่นั้นก็อยู่ที่วิธีการสัมภาษณ์งานด้วย โดยเฉพาะตำแหน่งงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง มีเครื่องมือเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้อง การพูดคุยกันอย่างเดียวไม่สามารถการันตีได้ว่าผู้สมัครมีทักษะที่พร้อมทำงาน ควรมีการทดสอบด้วยแบบทดสอบหรือให้ลองปฏิบัติจริงเลย อันนี้ยิ่งดีค่ะ และคนที่เป็นผู้สัมภาษณ์ ต้องเป็นผู้จัดการหรือระดับหัวหน้าขึ้นไป HR ต้องสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจและบริหารจัดการเรื่องนี้ล่วงหน้าให้เป็นอย่างดี ไม่งั้นสิ่งที่เราตั้งใจทำมาทั้งหมดนี้อาจไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ที่มา www.jobbkk.com