เจ้าของร้านค้า รวมถึงพนักงาน มีความสำคัญอย่างมาก ว่าจะทำให้สินค้าที่วางอยู่บนชั้นขายได้หรือไม่ได้ ซึ่งการจัดวางสินค้าที่ดีจะช่วยให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าได้ง่าย ชัดเจน นำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า สามารถสร้างรายได้ ทำกำไรให้กับเจ้าของร้านค้าหรือห้างค้าปลีก
แต่เจ้าของร้านค้าหลายราย รวมถึงพนักงานห้างค้าปลีกต่างๆ อาจไม่รู้เทคนิคการจัดวางสินค้า ให้ขายออก
1.วางสินค้าระดับสายตาของลูกค้า
เช่น ถ้าเป็นระดับสายตาที่ต้องการขายให้เด็กเล็ก สามารถเลือกสินค้าเองได้ ก็น่าจะอยู่ที่ชั้นต่ำกว่าสายตาผู้ใหญ่ลงมาอีก จัดแบ่งพื้นที่ให้สินค้าวางโชว์อยู่ในชั้นวางสินค้า ให้เหมาะสมกับยอดขาย ที่คาดว่าจะได้รับโดยรวมด้วย สินค้าควรจะต้องมีให้เห็น เพื่อขายอยู่บนชั้นวางสินค้า เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขาย
2.อย่าให้สินค้าขาดหาย
กรณีที่สินค้าขาดหาย อย่าเลื่อนเอาสินค้าตัวอื่นมาแทนที่ เนื่องจากจะทำให้ลืมได้ว่า ตรงบริเวณนั้น สินค้าอะไรขาดไป และต้องรีบนำมาเติมให้เต็มพื้นที่โดยเร็วที่สุด ก่อนจะเคลื่อนย้ายหรือสลับที่กันกับสินค้าตัวอื่นๆ ควรจะต้องศึกษาหรือปรึกษาหารือร่วมกัน ระหว่างฝ่ายจัดซื้อกับฝ่ายหน้าร้านก่อน จึงจะทำการย้ายจุดได้
3.ปรับปรุงชั้นวางขายเป็นประจำ
เจ้าของร้านค้า หรือผู้ประกอบการค้าปลีก ควรมีการปรับปรุงจุดที่วางสินค้าบนชั้นวางสินค้าใหม่ทุกๆ 3 เดือน เพื่อคอยดูว่าผลการขาย หรือกำไร ต่อพื้นที่การขายของสินค้าแต่ละตัวนั้น เหมาะสมอยู่หรือไม่
4.ขยับสินค้าเก่ามาด้านหน้า ก่อนเติมสินค้าใหม่เข้าไป
การเติมสินค้าบนชั้นวาง ให้นำสินค้าเก่าที่มีอยู่ยกออกมาให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยเติมสินค้าใหม่จากด้านหลังมา เพราะจะช่วยในการบริหารสินค้าที่นำมาวางจำหน่าย ไม่ให้มีสินค้าเก่าเหลือเก็บอยู่ในชั้นวางสินค้านานเกินไป ควรติดป้ายชื่อ ขนาดบรรจุ และราคาสินค้าทุกชนิดไว้ที่ขอบของชั้นวางสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบ และเช็คได้ตลอดเวลา
5.ชั้นวางสินค้าต้องสะอาด
ชั้นวางสินค้าไม่ควรมีฝุ่นละอองจับ ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวชั้นวางของ หรือที่ตัวสินค้า ไม่ควรมีของใช้ส่วนตัวของพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าปลีก ซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งของชั้นวางสินค้า รวมถึงไม่มีไม้ปัดขนไก่ ปากกา ผ้าขี้ริ้ว ถังซักผ้า จาน ชาม ช้อน ส้อม หรือแม้แต่ของกิน รวมถึงเอกสารต่างๆ และราคาต้นทุนสินค้า ต้องไม่มีให้เห็นที่ชั้นวางสินค้า
6.รีบจัดวางสินค้าใหม่ทันที
เมื่อสินค้าเข้ามาใหม่ ควรรับนำขึ้นวางที่ชั้นวางสินค้าทันที จัดสินค้าให้แยกตามประเภทของสินค้า และให้เป็นแนวดิ่งจากชั้นล่างขึ้นบน หรือจากบนลงล่าง สินค้ายี่ห้อที่เป็นที่นิยมให้จัดอยู่ในระดับสายตา ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ก่อน และเลือกหยิบซื้อได้โดยเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาหานาน ส่วนสินค้าประเภทที่ไม่เห็น ไม่ซื้อ หรือลูกค้าไม่เคยคิดจะซื้อเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว อย่าพยายามจัดเอาสินค้าประเภทนี้ วางไว้กับสินค้าชนิดที่ขายดี หรือเป็นที่ต้องการของลูกค้า
7.จัดสินค้าหลายขนาดในแนวดิ่ง
กรณีที่สินค้ามีหลายขนาด ให้จัดสินค้าเป็นแนวดิ่ง ให้ขนาดเล็กอยู่บน ขนาดใหญ่อยู่ล่าง เพื่อให้เวลาจัดวางสินค้า พนักงานขายจะได้ไม่เหนื่อย ในการหยิบยกสินค้าขนาดใหญ่ไปไว้ข้างบน และเวลาลูกค้าเลือกหยิบจากชั้นวางสินค้า ก็จะได้ไม่ต้องกลัวว่า สินค้าจะตกลงมาใส่หัว ถ้าขนาดใดขายดี ให้เพิ่มพื้นที่ในชั้นวางสินค้า
8.สินค้าเดียวกันหลายยี่ห้อ จัดวางสินค้าขายดีชั้นบน
ถ้าสินค้าประเภทเดียวกัน มี 2 ยี่ห้อ ให้เอายี่ห้อที่ขายดีจัดวางชั้นบน และเอายี่ห้อรองวางชั้นล่าง ถ้าสินค้าประเภทนั้นมีเพียงยี่ห้อเดียว ให้ดูว่ามีสินค้าประเภทใกล้เคียงในหมวดหมู่เดียวกันหรือไม่ ถ้ามีให้นำมาขายรวมหมวดกัน และจัดวางตามยี่ห้อเป็นแนวดิ่ง ถ้าสินค้ามีหลายขนาด และชั้นวางสินค้ามีไม่กี่ชั้น ควรเพิ่มหรือเสริมชั้นวางสินค้าให้มีหลายชั้นได้
ทั้งหมดเป็นเทคนิคการจัดวางสินค้าบนชั้น ให้ขายดิบขายดี เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับเจ้าของร้านค้าปลีก รวมถึงพนักงานในร้าน ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าให้แก่ลูกค้า เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน เลือกดูและหยิบจับสินค้า นั่นเป็นโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อมีสูงมาก ดังนั้น การจัดวางสินค้าให้เป็นถือว่าสำคัญ
ที่มา www.thaifranchisecenter.com