1.ลดของเสีย (DEFECTS)
สินค้าที่ผลิตออกมาไม่ได้คุณภาพมาตรฐานทำให้เสียทั้งเวลาทรัพยากรแรงงานที่ต้องกลับมาแก้ไขหรือทำซ้ำใหม่ดังนั้นต้องรีบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดของเสียแล้วจัดการแก้ไขโดยเร็วก่อนการผลิตใหม่จะเริ่มขึ้น
2.ลดการผลิตเกินจำเป็น (OVERPRODUCTION)
การผลิตที่มากเกินทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและสต็อกเหลือค้างลดปัญหานี้ได้ด้วยระบบ JIT (Just in Time) หรือการผลิตแบบทันเวลาพอดีใช้ความต้องการของลูกค้ากำหนดปริมาณการผลิตและการใช้วัตถุดิบ
3.ลดการคอยนาน (WAITING)
บางครั้งความเร็วของการทำงานแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากันบางส่วนเร็วบางส่วนช้าทำให้เกิดการเสียเวลารอคอยงานดังนั้นการปรับสมดุลความเร็วในการทำงานให้สอดคล้องกันจะช่วยลดความสูญเสียจากการรอคอยได้
4.ลดการใช้คนที่ไม่เหมาะกับงาน (NON-UTILIZED TALENT)
หลายธุรกิจละเลยกับเรื่องการคัดเลือกพนักงานหรือฝึกอบรมทำให้เกิดการใช้คนไม่ถูกกับงานจนทำให้ไม่สามารถใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้เต็มประสิทธิภาพ
5.ลดการขนย้ายบ่อยๆ (TRANSPORT)
การขนย้ายบ่อยๆหรือขนย้ายในระยะทางไกลไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบหรือสินค้าทำให้เกิดความสูญเสียทั้งเวลาและประสิทธิภาพการทำงานดังนั้นสิ่งที่ต้องทำเพื่อลดการขนย้ายคือการวางผังพื้นที่ทำงาน (Layout) ให้เหมาะสม
6.ลดสต็อก (INVENTORY)
การเก็บสต็อกไว้มากเกินความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบหรือสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วก็ตามนอกจากจะทำให้เงินทุนจมอยู่กับสต็อกแล้วยังทำให้พื้นที่ทำงานลดลงด้วยเพราะต้องแบ่งไปใช้สำหรับการเก็บสต็อกนั่นเอง
7.ลดการเคลื่อนไหว (MOTION)
เชื่อไหมว่าการเดินเอื้อมหรือหันซ้าย-ขวาสิ่งเหล่านี้มีผลต่อประสิทธิภาพหน้า-หลังการทำงานทั้งสิ้นการเคลื่อนไหวที่มากเกินความจำเป็นทำให้เสียเวลาการทำงานดังนั้นต้องหาวิธีทำงานที่สะดวกรวดเร็วเพื่อให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
8.ลดขั้นตอนทำงาน (EXTRA PROCESSING)
ในกระบวนการทำงานอาจมีหลายขั้นตอนที่เกินความจำเป็นหรือมีความทับซ้อนกันอยู่ธุรกิจสามารถที่จะตัดบางขั้นตอนออกได้หรือใช้วิธีรวมขั้นตอนที่ใกล้เคียงมาไว้ในกระบวนการเดียวกันเพื่อใช้เครื่องมือหรือพนักงานร่วมกัน
ที่มา เพจ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ Toyota - Social Innovation