เป็นไปได้หรอที่ยอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแต่ธุรกิจต้องปิดตัวลงเพราะไม่มีกำไรและมันเกิดมาจากสาเหตุอะไร? หนึ่งในสิ่งที่คนทำธุรกิจหลายคนพลาดไปคือเรื่องของ “การคำนวณต้นทุน” หลายคนจะคิดเพียงแค่ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า แต่ไม่เคยคิดถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร
ยกตัวอย่าง ธุรกิจ ก จะได้กำไรทั้งหมด 10,000 บาทในกรณีที่ขายสินค้าหมด แต่ ธุรกิจ ก ลืมคิดถึง ต้นทุนค่าขนส่ง ค่าแรงพนักงาน ซึ่งรวมทั้งสิ้น 15,000 บาท กลายเป็นว่ากำไรที่ได้มาติดลบซะงั้น ถ้าปล่อยแบบนี้ไปเรื่อยๆคงจะมีแต่ขาดทุนสะสม
และอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจไม่มีกำไรสักทีคือ “การจัดการกับต้นทุนธุรกิจ” และ “การทำบัญชีแยกประเภท” ธุรกิจที่จัดจำหน่ายสินค้าต้องมีงบลงทุนเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าใหม่ แต่เมื่อได้เงินจากการขายสินค้าในล็อตเก่า ก็จะนำเงินทั้งหมดไปใช้จ่ายธุรกิจบ้าง ใช้จ่ายส่วนตัวบ้างโดยลืมแยกส่วนที่เป็นกำไรออกมา จนทำให้ไม่เหลือเงินสดหมุนเวียนกับเงินสำรองฉุกเฉินติดมือเลย
หรือธุรกิจที่มีการใช้เครดิตการค้ามากจนเกินไปและลืมไปว่าจะต้องนำเงินไปชำระค่าใช้จ่ายคงที่ต่างๆ อาทิเช่น ค่าเช่าสถานที่, ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ, เงินเดือนพนักงาน, ค่าใช้จ่ายอื่นๆในธุรกิจเพื่อการลงทุนเพิ่ม รวมไปถึงค่าการตลาดต่างๆ หากเราใช้เครดิตล่วงหน้ามากเกินไปจนเก็บเงินไม่ได้ซักที รายจ่ายต่างๆในธุรกิจก็รอจ่ออยู่ เมื่อถึงกำหนดจ่ายแล้วเราไม่เหลือเงินสดในมือ นั่นแหละครับ ความวิกฤติจะมาเยือน!!!! กลายเป็นว่าเราอาจจะต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบหรือขอสินเชื่อจากสถาบัน
นอกจากเงินสดจะไม่เหลือในมือแล้วธุรกิจเราก็จะยิ่งจมลงจากภาระดอกเบี้ยทบต้นมหาศาล จากที่เราไปกู้ยืมมา บางคนอาจหาทางออกด้วยการกดเงินสดจากบัตรเครดิต โดนดอกเบี้ยไปเต็มๆ บางรายก็มากถึง 28% ต่อปี เห็นไหมครับว่าแม้กิจการที่เราทำอยู่จะสร้างยอดขายได้มากขนาดไหน แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวังก็อาจจะทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลงก็เป็นได้
ที่มา www.smartfinn.co.th