To Do List วางแผนเกษียณ ที่คนทำงานต้องรู้

          การวางแผนเกษียณอายุเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนทางการเงิน เกี่ยวข้องกับการกำหนดจำนวนเงินที่คุณต้องการสำหรับการเกษียณอายุและการสร้างกลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น การวางแผนการเกษียณอายุเป็นกระบวนการระยะยาว และไม่มีคำว่าเร็วเกินไปหรือสายเกินไปในการเริ่มต้น ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วเท่าไร คุณก็ยิ่งมีเวลามากขึ้นในการออมและเพิ่มกองทุนเกษียณอายุของคุณ

          น้องบีพลัสจะพามาดู To Do List วางแผนเกษียณ ที่คนทำงานต้องรู้ เพื่อเตรียมความพร้อม

          1.กำหนดอายุที่ต้องการเกษียณ กำหนดวันที่คุณต้องการเริ่มเกษียณและปริมาณเงินที่ต้องการสะสมในช่วงนี้ กำหนดว่าคุณต้องการมีรายได้เท่าไรในช่วงเกษียณอายุ และอายุเท่าไรที่คุณต้องการเกษียณ

          2.สำรวจการเงิน ตรวจสอบสถานะการเงินปัจจุบัน รวมถึงเงินออม, เงินลงทุน, และหนี้สิน ทำรายการรายรับและรายจ่ายของติดตามการออมและการลงทุนเพื่อการเกษียณในปัจจุบันของเช่น บัญชีการเกษียณอายุ (เช่น 401(k) หรือ IRA) เงินบำนาญ และการลงทุนอื่น ๆ ประเมินว่าคุณกำลังบรรลุเป้าหมายการเกษียณอายุหรือไม่ หรือจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน

          3.วางแผนการออม กำหนดวิธีการออมเงินในการสะสมเงินเพื่อเกษียณ รวมถึงการลงทุนในพันธบัตร, กองทุนรวม หรือบัญชีเงินฝาก กำหนดจำนวนเงินที่คุณต้องออมในแต่ละเดือนหรือปี  พิจารณาใช้บัญชีเกษียณอายุที่ได้เปรียบทางภาษีและสำรวจตัวเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและระยะเวลาของคุณ

          4.พร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดหวัง สร้างฟอร์มการป้องกันตนเองเช่น ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, และประกันอุบัติเหตุ ทบทวนแผนการเกษียณอายุของคุณเป็นประจำ สถานการณ์ในชีวิตและตลาดการเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น

          5.ยื่นภาษีเงินได้ก้อนสุดท้ายก่อนเกษียณ ทำการยื่นภาษีเงินได้อย่างเหมาะสมเพื่อลดหย่อนภาษีในอนาคต

          6.ดูว่ารายได้หลังเกษียณต้องเสียภาษีหรือไม่ คำนวณภาษีเงินได้ที่คุณจะต้องเสียหลังเกษียณเพื่อให้มีการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม ประมาณการค่าใช้จ่ายในอนาคตของคุณ โดยคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในวิถีชีวิตของคุณ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล ค่าครองชีพรายวัน และกิจกรรมยามว่าง

ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี

 1. ดอกเบี้ยเงินฝากประจำไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

 1. เงินปันผลจากหุ้น หรือกองทุน (สามารถเลือกหักภาษี ณ ที่จ่ายได้)

 2. เงินคืนประกันบำนาญ

 2. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)

 3. กำไรจากการขายหุ้นหรือกองทุน

 3. เงินบำนาญข้าราชการ ถ้าถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี กรมบัญชีกลางจะคำนวณและหักภาษีไว้ในแต่ละเดือน

 4. การขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุน RMF

 

 5. บำเหน็จ บำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคม

 

 6. บำเหน็จดำรงชีพของข้าราชการ

 

 7. หากอายุเกิน 65 ปี และมีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี จะได้รับสิทธิยกเว้นเงินได้ 190,000 บาท เช่น หากมีเงินได้ 240,000 บาท สามารถใช้สิทธิยกเว้นเงินได้สำหรับ 190,000 บาทแรก และจะเหลือรายได้ที่ต้องไปคำนวณภาษีเพียง 50,000 บาท

 

 8. หากอายุเกิน 60 ปี และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 ต่อปี บุตรสามารถใช้สิทธิเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ 30,000 บาท

 

 

           7.เตรียมงานเสริมไว้ทำช่วงเกษียณ คิดเกี่ยวกับกิจกรรมหรืองานเสริมที่คุณสนใจที่จะทำหลังเกษียณ เช่น การทำงานอิสระ, การทำงานเป็นอาสาสมัคร

          8.วางแผนลงทุนช่วงเกษียณ พิจารณาแผนการลงทุนที่เหมาะสมในช่วงเกษียณ เช่น การลงทุนในหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, หรือการลงทุนในกองทุนเป็นต้น กระจายการลงทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง พิจารณาการผสมผสานระหว่างหุ้น พันธบัตร และการลงทุนอื่นๆ ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและกรอบเวลาของคุณ

          9.เตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ พิจารณาเรื่องการมีประกันสุขภาพที่เหมาะสมและการสะสมเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในช่วงเกษียณ พิจารณาไลฟ์สไตล์ที่คุณต้องการและค่าใช้จ่ายใดๆ ที่คุณอาจมี เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือการเดินทาง

 

ที่มา scb