โรคร่าเริง ภัยร้ายวัยทำงาน

          วัยทำงาน หลายคนพบว่าตนเองเริ่ม นอนดึก บ่อยๆ หรือไม่หลับไม่นอนตอนกลางคืน ชอบทำงานตอนกลางคืน เพราะไอเดียพุ่ง คิดงานไว ทำงานลื่นไหลเป็นพิเศษ แล้วมักจะง่วงหลับเอาตอนกลางวัน พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายอาการ โรคร่าเริง

         โรคร่าเริง หรือที่บางครั้งเรียกว่า ภาวะเสพติดความร่าเริง เป็นคำที่ใช้เรียกสภาวะของคนที่มักจะแสดงตัวให้ดูมีความสุข สดใส ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะรู้สึกเหนื่อยล้า เครียด หรือมีปัญหาสุขภาพจิตที่ซ่อนอยู่ภายใน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความกดดันและความคาดหวังสูงในหน้าที่การงาน

            อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือการหมดไฟในการทำงาน (Burnout) ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพจิตที่รุนแรงขึ้น และการพักผ่อนไม่เพียงพอและการสะสมความเครียด อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับ ปวดหัวเรื้อรัง หรือระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง

ลักษณะของโรคร่าเริง

  1. กลางวันไม่อยากตื่น กลางคืนไม่อยากหลับ ผู้ที่ประสบปัญหานี้มักจะรู้สึกไม่อยากตื่นนอนในช่วงเช้า เพราะรู้สึกหมดแรง ไม่มีกำลังใจในการเริ่มวันใหม่ แต่ในตอนกลางคืนกลับไม่สามารถนอนหลับได้ แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า เนื่องจากมีความกังวลและความเครียดสะสม
  2. เสแสร้งความสุข แสดงความร่าเริงออกมาต่อหน้าผู้อื่น แม้ว่าจะรู้สึกเครียดหรือทุกข์ใจข้างใน เพราะกลัวว่าผู้อื่นจะมองว่าไม่แข็งแรงหรืออ่อนแอ
  3. หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความจริง เลือกที่จะปิดบังหรือเพิกเฉยต่อปัญหาที่แท้จริง และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความรู้สึกด้านลบ
  4. เหนื่อยล้าทางจิตใ ความรู้สึกต้องรักษาภาพลักษณ์ของความร่าเริงไว้อยู่ตลอดเวลา อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดพลัง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

วิธีการจัดการกับโรคร่าเริง

  1. ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริง เรียนรู้ที่จะยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งความสุขอยู่ตลอดเวลา การเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นจะช่วยลดความเครียดสะสม
  2. การพักผ่อนและการดูแลสุขภาพ ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และสร้างกิจวัตรประจำวันที่มีเวลาพักผ่อนจริง ๆ ในช่วงกลางวันและกลางคืน
  3. พูดคุยและขอความช่วยเหลือ การเปิดใจพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต สามารถช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น และไม่ต้องเผชิญกับความกดดันเพียงลำพัง
  4. ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ยอมรับว่าการมีความรู้สึกเศร้าหรืออ่อนแอเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ความร่าเริงตลอดเวลา

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ