เรื่องน่ารู้ ถ้าอยากเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง บทความจาก “ไอคอนทูลส์” แชร์ 10 เรื่องที่ควรรู้ มาแบ่งปัน
1. หาตำแหน่งที่เรียกว่า “ทำเลทอง” ให้เจอ
หลักการในการเปิดหน้าร้าน จะต้องศึกษาเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งของร้านที่จะเปิดให้ดี ถ้าทำเลดี ลูกค้าผ่านไปผ่านมาจะเห็นร้านของเราได้ง่าย ทำเลในการเปิดร้านค้าวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆก็แตกต่างกัน เช่น
-
ขายวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก – ร้านควรจะตั้งอยู่บริเวณที่ติดถนน สามารถขึ้นของ ลงของได้สะดวก มีที่จอดรถ เนื่องจากสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง มักมีน้ำหนักมาก เช่น อิฐ หิน ปูน ทราย ท่อที่มีความยาว
-
ขายฮาร์ดแวร์เป็นหลัก – ร้านค้าควรตั้งอยู่บริเวณที่เป็นแหล่งชุมชน เนื่องจากว่าสินค้าฮาร์ดแวร์มักมีความจุกจิก เช่น แปรงทาสี เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ช่างที่ต้องการมาซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เพื่อไปซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้าน อาคาร และสถานที่ต่างๆ มักไม่ต้องการเดินทางไปไกลเพื่อซื้อเครื่องมือ หากร้านค้าของเราอยู่กลางแหล่งชุมชน มักได้เปรียบมากกว่า
2. งบประมาณสำคัญ ตั้งไว้ดีคุมง่ายไม่บานปลาย
การตั้งงบประมาณในการเปิดร้านครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราทราบว่าต้นทุนที่เราเสียไปเป็นเท่าไหร่ แล้วกี่เดือน กี่ปี ถึงจะคืนทุน เมื่อตั้งงบประมาณได้แล้ว ควรแบ่งเงินก้อนนั้นออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 : เงินสำหรับการลงทุนเรื่องสถานที่ อาจจะเป็นการเช่าตึก ซื้ออาคาร ตกแต่ง ทาสี และชั้นวางสินค้า ในส่วนนี้ควรใช้เงินแค่ 1 ใน 5 ของเงินทุนทั้งหมด ในอนาคตถ้ามีการขยายกิจการค่อยตกแต่งเพิ่มเติม
ส่วนที่ 2 : เงินสำหรับการสต็อคสินค้า ในส่วนนี้ถือว่าสำคัญที่สุดและใช้เงินมากที่สุด เนื่องจากจะต้องซื้อสินค้าเพื่อมาขายต่อทำกำไร และยังต้องซื้อสินค้าเพื่อสต็อกไว้อีกด้วย ในส่วนนี้ควรใช้เงิน 3 ใน 5 ของเงินลงทุนทั้งหมด
ส่วนที่ 3 : เงินสำหรับเป็นทุนหมุนเวียน ในการเปิดร้านแรกๆ อาจจะยังมีกำไรน้อยหรือขาดทุนได้ เพราะร้านค้ายังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้มีลูกค้าน้อย เงินทุนหมุนเวียนส่วนนี้จึงเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่ง ที่จะรองรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ไฟ ค่าเติมสินค้า ในส่วนนี้ควรใช้เงิน 1 ใน 5 ของเงินลงทุนทั้งหมด
3. เลือกสินค้าตรงใจ มีชัยไปกว่าครึ่ง
ผู้เริ่มต้นอาจจะต้องเลือกก่อนว่าต้องการขายสินค้าประเภทไหน สินค้าหลักๆของตลาดนี้ก็จะมีแบ่งย่อยไปได้อีก
-
วัสดุก่อสร้าง – อิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก สินค้าประเภทนี้มีน้ำหนักมาก ขนย้ายลำบาก ใช้ต้นทุนเริ่มต้นสูงมาก ถ้าหากตัดสินใจจะขายสินค้าประเภทนี้เป็นหลัก ก็ควรจะต้องมีแนวทางในการขายไว้ในระยะยาว เนื่องจากช่วงแรกอาจจะขายได้น้อย เพราะว่าลูกค้ายังไม่รู้จัก และที่ต้องวางแผนอีกเรื่องก็คือควรจะหาลูกค้าเป็นผู้รับเหมา หรือโครงการต่างๆ เพราะจะคุ้มกับค่าขนส่งที่ต้องเสียไป
-
อุปกรณ์ก่อสร้าง ฮาร์ดแวร์ – เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน เช่น สี เคมีภัณฑ์ เกียงฉาบปูน สายยาง ผ้าฟาง เป็นต้น สินค้าประเภทนี้มีความจุกจิกมากและมีจำนวนเยอะ แต่ต้นทุนไม่สูงเท่าวัสดุก่อสร้าง หากต้องการขายสินค้าประเภทนี้ ควรจะต้องมีสินค้าที่ร้านให้หลากหลาย เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนมากจะเป็นช่าง ที่มาซื้อเพื่อไปทำงานก่อสร้าง
-
เครื่องมือช่าง – ประแจ ไขควง ใบตัดเหล็ก ที่วัดระดับน้ำ แปรงทาสี สว่าน เป็นต้น สินค้าประเภทนี้มีความใกลเคียงกับอุปกรณ์ก่อสร้าง เพราะมีความจุกจิกและมีจำนวนเยอะเช่นกัน กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อก็จะเป็นช่าง รวมถึงเจ้าของบ้านที่ต้องการซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้านของตนเองด้วย ดังนั้นถ้าหากเลือกจะขายสินค้าประเภทนี้ สามารถขายร่วมกับอุปกรณ์ก่อสร้างได้ด้วยเช่นกัน
4. ออกแบบร้านสะดุดตา พาลูกค้าเข้าไม่รู้ตัว
การจัดสรรปันส่วนสินค้าแต่ละประเภทควรเลือกตำแหน่งให้เหมาะสม ลูกค้าเดินเลือก เดินดูของได้ง่ายเข้าไว้ บางที่ลูกค้าต้องการมาซื้อของแค่อย่างเดียว แต่เมื่อเดินดูของในร้านของเราอาจจะได้ของติดไม้ติดมือกลับไปเพิ่มอีก สินค้าที่ขายดี ลูกค้านิยมซื้อก็ควรจะวางไว้ตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย สินค้าที่เสียหายง่าย ชื้นง่าย มีวันหมดอายุ ก็ควรเก็บรักษาให้ดี อาจจะใส่ตู้กระจก ชั้นวางของหนัก ทำชั้นวางเฉพาะ เป็นต้น อีกอย่างที่สำคัญสำหรับการเปิดร้านใหม่ก็คือ ควรมีโปรโมชั่น และป้ายโปรโมชั่นควรสะดุดตาลูกค้า เพื่อเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้ากับร้านเรา และป้ายร้านที่อยู่หน้าร้านควรจะต้องเด่น เนื่องจากเราเพิ่งเปิดร้านใหม่ ลูกค้าระแวกนั้นยังไม่รู้จักร้านค้าเรา การทำสิ่งล่อตาล่อใจจะทำให้ลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านเรามากขึ้น
5. ตั้งราคาขายให้ดี มีลูกค้าติดใจ
การตั้งราคาขายสำคัญมากสำหรับร้านที่เริ่มต้น ถ้าแพงเกินไปแล้วลูกค้ามาที่ร้านครั้งแรก ลูกค้าจะตั้ง Mindset ทันทีว่าร้านนี้ขายของแพง ทำให้โอกาสที่เราจะมีลูกค้าประจำน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าหากขายถูกเกินไปเราก็ได้กำไรน้อยเกินที่ควรจะเป็น โดยทั่วไปแล้วสินค้าฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์ก่อสร้างจะเป็นสินค้าที่กำไรเฉลี่ยค่อนข้างสูง แต่บางหมวดหมู่อาจจะได้กำไรมากน้อยไม่เท่ากัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือสำรวจตลาดและร้านค้าประเภทเดียวกันในระแวกนั้นว่าเขาตั้งราคาสินค้ากันอยู่ที่เท่าไหร่ ก็ควรจะตั้งราคาไล่เลี่ยกับร้านอื่น แต่เนื่องจากสินค้าประเภทเครื่องมือช่าง ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง มีรายละเอียดและประเภทของสินค้าค่อนข้างเยอะ การไล่ดูราคาของร้านอื่นจึงทำได้ยากและใช้เวลานาน ถ้าหากต้องการทราบราคาขายของสินค้าแต่ละประเภทสามารถติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามกับทางร้านได้เลย โดยทางร้านจะช่วยตั้งราคาขายของสินค้าแต่ละตัวให้ด้วย
6. การขายและการตลาดไม่จำเป็นต้องอยู่แค่หน้าร้าน
เรื่องการขายหน้าร้านผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเปิดร้านคงทราบดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำโปรโมชั่นเพื่อเรียกลูกค้า การให้คำปรึกษาช่างหรือลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้า การยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรก็ทำให้ลูกค้าอยากมาซื้อสินค้ากับร้านเราอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การทำการตลาดในโลกออนไลน์ ฟังดูเหมือนยากใช่ไหม? แต่ไม่ยากอย่างที่เราคิดค่ะ ลองมาดูกัน…
-
การทำ Google My Business – เคยสังเกตไหมเวลาเราค้นหาบางสิ่งบางอย่างใน Google แล้วร้านค้าเด้งขึ้นมา นั่นแหละค่ะ ร้านค้าเหล่านั้นทำ Google My Business จุดเด่นของการตลาดรูปแบบนี้คือ ฟรี!!! เราสามารถ “ปักหมุดร้านของเราใน Google รวมถึง Google Map” ได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
-
การเปิดเพจ Facebook – สร้างชุมชนในโลกออนไลน์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการแชร์สินค้า โปรโมชั่นต่างๆ วิธีการใช้สินค้า หรือแม้แต่ความเป็นตัวตนของร้านค้า ให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้เห็น เพื่อสร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าของเรา
-
การสร้าง Line Official Account – สำหรับลูกค้าประจำ หรือลูกค้าที่ซื้อสินค้าหลายอย่าง จำนวนเยอะ พยายามพาลูกค้าเข้ามาอยู่ใน Line ของร้านเราให้ได้ เนื่องจากสินค้าฮาร์ดแวร์มีความหลากหลายมาก การโทรคุยหรือการมาดูสินค้าหน้าร้านอาจไม่ครอบคลุมสินค้าทั้งหมด ใน Line Official เราสามารถ Broadcast ข้อความข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆ ให้ลูกค้าทราบได้
-
การโอนเงินและเครื่องรูดบัตร – สมัยนี้เป็นสังคมไร้เงินสด ร้านไหนที่มีการโอนเงินมักได้เปรียบกว่า เพราะลูกค้าบางคนก็อาจจะไม่ได้พกเงินสดติดตัวเยอะ ดังนั้นการโอนเงินจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนเครื่องรูดบัตรหากมีติดไว้ซักเครื่องก็ดี เนื่องจากสินค้าฮาร์ดแวร์บางประเภทมีราคาสูง ถ้าสามารถรูดบัตรได้ ลูกค้าจะชื่นชอบมากค่ะ
4 อย่างนี้คือสิ่งที่ควรมีในการเริ่มต้นขายฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ก่อสร้างในโลกออนไลน์ เพราะว่าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ (ยกเว้นเครื่องรูดบัตรเครดิต แล้วแต่เราเลยว่าจะเก็บลูกค้าเพิ่ม 3% หรือเรายอมจ่ายเอง) หากวันหนึ่งที่ร้านค้ามีฐานลูกค้าจำนวนหนึ่ง แล้วอยากจะขยาย ค่อยทำเว็บไซต์เพิ่ม หรือซื้อโฆษณาในออนไลน์ก็ยังได้
7. ทำลูกค้าให้เหมือนเพื่อนและที่ปรึกษาคนสนิท
จะมีลูกค้าหลายประเภทที่เข้ามาซื้อสินค้ากับร้านเรา ไม่ว่าจะเป็นช่าง ผู้ใช้ ผู้รับเหมา หรือบุคคลทั่วไป ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าก่อน ถ้าเป็นผู้ใช้ หรือช่างมาซื้อ แสดงว่าเขาต้องการสินค้าเราไปซ่อมแซม ปรับปรุง ต่อเติมบ้านหรืออาคาร ดังนั้นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ลูกค้ามาซื้อท่อน้ำทิ้งอ่างล้างหน้า อาจจะอธิบายว่าท่อน้ำทิ้งมีกี่ประเภท วัสดุต่างกัน ใช้ต่างกันอย่างไร และอาจจะสอบถามเพิ่มเติมว่า ลูกค้ามีสะดืออ่างล้างหน้าหรือยัง หรือว่ามีก๊อกอ่างล้างหน้าหรือยัง เพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับลูกค้า ว่าเราสามารถให้คำปรึกษาเขาได้นะ ไม่ใช่อยากขายของอย่างเดียว แต่ถ้าหากลูกค้าเป็นผู้รับเหมา แน่นอนว่าเขาต้องซื้อสินค้าจำนวนมากอยู่แล้ว อาจจะมีการลดราคาสินค้าหรือให้เครดิตลูกค้าบ้าง เป็นต้น
8. สร้างพันธมิตรรอบตัวไว้ไม่เสียหาย
เมื่อมีร้านค้าประเภทเดียวกันอยู่บริเวณใกล้ๆกัน เราควรลงไปสำรวจว่า เขาขายอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ มีสต็อคเยอะแค่ไหน นั่นเพราะเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินว่าเราสต็อกสินค้าไม่ทัน แล้วลูกค้าจำเป็นต้องใช้ของ เราสามารถวิ่งเข้าไปเบิกสินค้าจากร้านพันธมิตรมาขายก่อนได้ อาจได้กำไรน้อยกว่าเดิมหน่อย แต่ก็ลดในเรื่องของจำนวนสินค้าที่ต้องสต็อกลงไป ทำให้ไม่ต้องจมทุนเอาเงินไปลงสต็อกทั้งหมด และที่สำคัญก็คือลูกค้าก็จะทราบว่าร้านค้าของคุณขายสินค้าหลากหลาย มาหาซื้ออะไรก็มีขาย ทำให้เป็นการเพิ่มฐานลูกค้าได้ในอนาคต
9. การบริหารร้านและจัดการสินค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน
เมื่อเริ่มขายไปซักพักจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาซื้อสินค้า เราจึงพอทราบว่าสินค้าชนิดใดขายดีในระแวกนั้น ลูกค้าต้องการซื้ออะไรมากเป็นพิเศษ ลูกค้าอยากซื้ออะไรที่แถวนั้นยังไม่มีขาย และเมื่อขายไปซักพักก็จะเริ่มจับจุดได้ว่าสินค้าแต่ละอย่างควรเก็บสต็อกเท่าไหร่ให้พอดีขายและไม่จมทุน โดยการสั่งสินค้าเข้ามาเติมที่ร้าน รวมถึงการนำสินค้าใหม่ๆมาขาย รวมถึงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะจะทำให้เราทราบว่าเงินที่เราได้มา เมื่อหักค่าสต็อกสินค้า ค่าน้ำไฟ รายจ่ายอื่นๆ เราเหลือเป็นกำไรอยู่เท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะคืนทุน
10. การคืนทุนและขยายร้าน เป็นความใฝ่ฝันของร้านค้าเปิดใหม่
โดยปกติแล้วการคืนทุนจะขึ้นอยู่กับเราบริหารจัดการร้านค้า และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้า แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ในการคืนทุน หลังจากนั้นจะเป็นกำไรของเราทั้งหมด และเมื่อถึงจุดนั้น การคิดถึงเรื่องขยายร้านค้าคงเป็นสิ่งแรกๆ ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนนึกถึง ซึ่งการขยายร้านทำได้หลายวิธี อาจจะเป็นการขายสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เพิ่มเขตการขายโดยใช้ออนไลน์เข้ามาช่วย หรือการซื้อรถส่งของเพื่อให้บริการลูกค้าระยะไกลมากขึ้น เป็นต้น
ที่มา icontoolsthai.com ไอคอนทูลส์ ศูนย์รวมเครื่องมือช่าง