นำเข้าจากจีนทำยังไงให้ถูกต้อง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

ปัญหาของการนำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล

หลายคนที่นำสินค้าจากจีนเข้ามาขายมักใช้บริการชิปปิ้งที่คำนวณค่าบริการจากขนาดหรือน้ำหนักของสินค้า และเข้าใจว่าสินค้าที่นำเข้ามาขายนั้นถูกต้องตามกฎหมายแน่ๆ 100% เนื่องจากชิปปิ้งแจ้งว่าราคาค่าบริการที่คิดนั้นรวมภาษีไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อขายสินค้าไปสักระยะและเริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น บางคนอาจจะถูกตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบสินค้าพร้อมหมายค้น เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าที่นำเข้ามาขายนั้นมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะขอดูเอกสารการนำเข้าต่างๆ เอกสารที่สำคัญที่ตำรวจจะขอดูคือ "ใบขนสินค้าขาเข้า" หากสามารถนำมาแสดงได้ก็จะไม่มีปัญหาอะไร

แต่ถ้าไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ จะมีปัญหาตามมาแน่นอน สินค้าจะถูกยึดเพื่อตรวจสอบ ทำให้สูญเสียทั้งโอกาสการขายและเวลาที่ต้องใช้ในการดำเนินการต่างๆ นอกจากนี้ หากต้องการได้สินค้าคืน จะต้องเสียค่าปรับศุลกากรในอัตราที่สูงหลายเท่า ดังนั้นเราจึงควรทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจะดีกว่า

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการทำนำเข้าแบบถูกกฎหมายมีอะไรบ้าง?

  1. ค่าสินค้า (อันนี้ต้องเสียให้กับผู้ขายอยู่แล้ว)

  2. ค่าอากรขาเข้า (จ่ายให้กรมศุลกากร)

  3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (จ่ายให้กรมศุลกากร)

  4. ภาษีอื่นๆ(ถ้ามี) เช่น ภาษีสรรพสามิตร, ภาษีมหาดไทย

  5. ค่าขนส่ง

  6. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ

ยกตัวอย่างนำเข้าเสื้อผ้ามาขายแบบถูกกฎหมาย

สมมุติว่าคุณต้องการนำเข้าเสื้อผ้ามูลค่า 100,000 บาท เข้ามาขายในประเทศไทยอย่างถูกต้อง

Step 1 : ต้องคำนวนอากรขาเข้าก่อน เสื้อผ้าอากรขาเข้า 30% เพราะฉะนั้น อากรขาเข้า 30,000 บาท (มาจาก 30*100,000 / 100)

Step 2 : คำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

การคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเอาราคาสินค้าที่ + กับอากรขาเข้าแล้วมาคิด VAT อีก 7%

ราคาสินค้าที่ + กับอากรเข้า = 100,000 + 30,000 = 130,000 บาท

= 130,000 + VAT 7%

= 130,000 + 9,100

= 139,100 บาท

“เท่ากับว่า ค่าสินค้า 100,000 บาท + ภาษีที่ต้องเสียเพิ่มอีก 39,100 บาท”

หลายคนคงคิดว่า เมื่อเห็นจำนวนภาษีที่ต้องเสียแล้ว การนำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล แบบเดิมอาจจะดีกว่าใช่ไหม แต่เดี๋ยวก่อน…

หลายคนไม่รู้เลยว่าสามารถขอ form-e เพื่อลดอากรขาเข้าให้เหลือ 0% ได้ ควรรู้ว่าไทยมีสนธิสัญญากับจีนซึ่งสามารถขอ form-e จากประเทศจีนได้ สินค้าประมาณ 90% ที่นำเข้าจากจีนเมื่อใช้ form-e อากรขาเข้าจะลดเหลือ 0% เสื้อผ้าก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับสิทธินี้

เมื่ออากรขาเข้าเป็น 0% ฐานภาษีที่ใช้คิด VAT จะลดลงด้วย โดยการคำนวณคือ มูลค่าสินค้า + VAT 7% = 100,000 + 7% = 100,000 + 7,000 = 107,000 บาท ดังนั้น จากเสียภาษี 39,000 บาท จะเหลือแค่ 7,000 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าการนำเข้าจากจีนอย่างถูกกฎหมาย ค่าภาษีที่ต้องเสียไม่ต่างจากการนำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล เลย เนื่องจากโดยปกติ หากต้องการนำค่าใช้จ่ายไปบันทึกบัญชี เราก็จะให้ชิปปิ้งออกใบกำกับภาษีแล้วบวก VAT 7% เข้าไปอยู่แล้ว

เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ระหว่าง นำเข้าแบบเหมาคิว-กิโล VS นำเข้าแบบถูกกฎหมาย

  นำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล นำเข้าแบบถูกกฎหมาย
ภาษี จ่าย VAT ให้ชิปปิ้ง จ่าย VAT และ อากรขาเข้าตรง
ให้กับกรมศุลกากร
เอกสารที่จะได้ ใบกำกับภาษี ใบขนสินค้าขาเข้า +
ใบเสร็จจากกรมศุลกากร
ค่าขนส่ง   ค่าขนส่งถูกกว่าแบบเหมาคิว-กิโล
30-50%
ค่าดำเนินการต่างๆ   ค่าทำพิธีการที่ไทย 2,000-3,000 บาท/รอบ
ค่าขอ form-e 2,000-3,000 บาท/รอบ
ใบอนุญาต   บางสินค้าต้องมีใบอนุญาต ก่อนนำสินค้าเข้ามา
เช่น อย. มอก.

จะเห็นได้ว่าการนำเข้าแบบถูกกฎหมายนั้น หลักๆจะต่างกันตรงที่

  1. ค่าขนส่ง : นำเข้าแบบถูกกฎหมายค่าขนส่งถูกกว่า 30-50% ยิ่งนำเข้าเยอะต่อรอบ ยิ่งประหยัดค่าใช้จ่าย
  2. ค่าดำเนินการต่างๆ : ค่าทำพิธีการที่ไทย 2,000-3,000 บาท/รอบ และ ค่าขอ form-e 2,000-3,000 บาท/รอบ นั่นหมายถึงว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมา 4,000 – 6,000 บาท/รอบ

แต่เมื่อเทียบกับค่านำเข้าที่ถูกลงกว่าเดิมแล้ว ถือว่าคุ้ม !

ใครบ้างที่ควรนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างถูกกฎหมาย?

  • คนที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน อยากขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ หากมีเป้าหมายที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องเริ่มจากการปฏิบัติตามกฎหมายนี้ การขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ มีข้อกำหนดชัดเจนว่าสินค้าที่นำไปขายต้องเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกปรับได้
  • การขายแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำให้เกิดความไม่สบายใจและเมื่อธุรกิจไม่ถูกต้อง การเติบโตก็เป็นเรื่องยาก
  • ต้องการนำค่าใช้จ่ายไปลงบัญชีอย่างถูกต้อง การนำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล บางบริษัทชิปปิ้งที่เน้นราคาถูกอาจไม่มีเอกสารที่ถูกต้องให้ ซึ่งหมายความว่าสินค้านั้นอาจไม่ถูกกฎหมาย เมื่อไม่สามารถลงบัญชีค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง จะทำให้ต้องแบกรับภาษีปลายปีที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง

สรุป

  • การนำเข้าแบบเหมา คิว-กิโล และให้ชิปปิ้งออกใบกำกับภาษีให้อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ต้องพิจารณาชิปปิ้งแต่ละรายอีกครั้ง
  • การนำเข้าจากจีนอย่างถูกกฎหมาย ภาษีที่ต้องจ่ายไม่ได้แตกต่างกับแบบเหมา คิว-กิโล
  • ค่าขนส่งของการนำเข้าจากจีนอย่างถูกกฎหมายถูกกว่าประมาณ 30-50% ยิ่งนำเข้าต่อรอบมากยิ่งคุ้มค่า
  • Form-E สามารถใช้ลดอากรขาเข้าให้เหลือ 0% ได้ (อาจจะไม่ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท แต่ส่วนใหญ่ใช้ได้)
  • การปรึกษากับชิปปิ้งที่เชี่ยวชาญก่อนการนำเข้าจริง จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากความไม่รู้ได้มาก

ที่มา www.taobao2you.com