ผู้ประกอบการหลายท่าน อยากจะจัดเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ไม่รู้ว่าจะต้องมีแฟ้มอะไรบ้าง และแต่ละแฟ้มใช้เก็บเอกสารอะไร วันนี้เราไปดูกัน
1.แฟ้มใบกำกับภาษีขาย
จัดเรียงตามเลขที่ใบกำกับภาษี โดยให้เรียงเลขที่ใบกำกับน้อยอยู่ข้างล่าง และให้เลขที่มากอยู่ข้างบน โดยจัดเรียงเป็นเดือนๆ
2.แฟ้มใบกำกับภาษีซื้อ
จัดเรียงตามวันที่
3.แฟ้มใบสำคัญจ่าย
จัดทำแฟ้มใบสำคัญจ่ายเฉพาะรายการที่เป็นรายจ่ายเช็คตั้งแต่ยอดเงิน 1,000 บาทขึ้นไป โดยมีเอกสารหลักฐานในใบสำคัญจ่ายแต่ละใบ ดังนี้คือ
3.1 ใบวางบิล โดยมีรายละเอียดของ
- เลขที่ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี ที่จะทำการจ่าย
- มียอดรวมของใบแจ้งหนี้ทั้งหมด
- ลายเซ็นผู้รับวางบิล-ผู้วางบิล
- ผู้อนุมัติการวางบิล
- วันที่รับวางบิล
- วันที่วางบิล
3.2 ใบขอซื้อ แนบโดยมีรายละเอียดของ
- รายการสินค้า
- จำนวน
- ราคา/หน่วย
- ราคารวม
- ยอดรวมทั้งหมดของใบขอซื้อแต่ละใบ
- ลายเซ็นผู้อนุมัติจากกรรมการผู้มีอำนาจ
3.3 ใบแจ้งหนี้/สำเนาใบกำกับภาษี
- เลขที่
- วันที่
- รายการ
- จำนวน
- ราคา/หน่วย
- ยอดรวมทั้งหมดของใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี
- ลายเซ็นผู้อนุมัติจากกรรมการผู้มีอำนาจ
4.แฟ้มใบสำคัญรับ
จัดทำแฟ้มใบสำคัญรับไม่ว่าจะรับเป็นเช็คหรือเงินสด โดยแต่ละใบสำคัญรับจะมีเอกสารหลักฐานในการจัดทำดังนี้ คือ
4.1 สำเนาใบรับวางบิล ที่ไปวางบิลกับลูกค้าโดยจะมีรายละเอียดของ
- วันที่วางบิล
- เลขที่ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษีขาย
- ยอดเงินของบิลแต่ละใบ
- ยอดรวมทั้งหมดของใบวางบิล
- ผู้วางบิล
- ผู้รับวางบิล
- ลายเซ็นผู้อนุมัติจากกรรมการผู้มีอำนาจ
4.2 ใบทวงหนี้หรือใบกำกับภาษีขาย โดยจะเป็น
- ยอดรายการสินค้า
- ราคา/หน่วย
- ยอดรวมของบิลแต่ละใบ
- ลายเซ็นผู้อนุมัติจากกรรมการผู้มีอำนาจ
4.3 ใบขอซื้อจากทางผู้ซื้อ
4.4 ใบเสร็จรับเงิน
5.แฟ้มเงินสดย่อย
จัดทำแฟ้มเงินสดย่อยโดยจัดตั้งวงเงินสดย่อยตามความเห็นชอบของกรรมการผู้มีอำนาจ โดยการเบิกจ่ายแต่ละครั้งตั้งแต่ 500บาทต่อครั้ง แต่ไม่เกิน 1,000 บาท โดยให้มีการจัดทำใบเบิกพร้อมทั้งมีลายเซ็นต์อนุมัติก่อนที่จะนำมาเบิกกับทางบัญชี
*หมายเหตุ โดยเอกสารแต่ละใบในแฟ้มเงินสดย่อยต้องมีเอกสารประกอบดังนี้
1.ใบเสร็จการขอซื้อแต่ละครั้ง
2.ใบขอเบิกเงิน มีลายเซ็นผู้ขอเบิก วัตถุประสงค์ที่เบิก และผู้อนุมัติ (กรณีไม่มีใบเสร็จให้แนบบัตรประชาชนผู้เบิก พร้อมลายเซ็นการอนุมัติจากผู้บริหารหรือจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป)
6.แฟ้มรายวันทั่วไป
เป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับ
- การโอนเงินระหว่างธนาคาร
- การถอนเงินระหว่างธนาคาร
- การฝากเงินเข้า
- การรับเงินจากกรรมการ
- เงินยืมกรรมการ
- รายการปรับปรุงค้างจ้าง, ค้างเบิก
7.แฟ้มสำรองรอวางบิล (เราผู้ขาย) –กรณียังไม่ได้ไปวางบิล
เอกสารที่เตรียมทำวางบิล
- ใบนำเนาภาษีขายถ่ายแนบแยกแต่ละบริษัท
- ใบสั่งซื้อจากลูกค้า
*ยอดเงินยังไม่ถึง เอกสารยังไม่ครบตามจำนวนที่จะวางบิล
8.แฟ้มสำรองรอวางบิล (เราผู้ขาย) –กรณียังไม่ได้รับวางบิล
เอกสารที่เตรียมทำรับวางบิล
- ใบแจ้งหนี้/สำเนาใบกำกับภาษี
- ใบขอซื้อจากบริษัทเรา
- ใบสั่งซื้อจากบริษัทเรา
*ยอดเงินยังไม่ถึงงวดรายจ่าย เอกสารยังไม่ครบ, เอกสารยังไม่เรียบร้อย
9.แฟ้มภาษีและประกันสังคม
จัดเก็บแฟ้มเรียงเป็น
- ภ.ง.ด. 1
- ภ.ง.ด. 3
- ภ.ง.ด. 53
- ภ.พ. 30
- ประกันสังคม
โดยจัดเรียงเป็นหมวด แต่ละหมวดเรียบเรียงเป็นเดือน โดยเรียงจากวันที่น้อยไปหาวันที่มากทำเป็นแฟ้มๆ ไป
10.แฟ้มทะเบียนทรัพย์สิน
ต้องมีเอกสารหลักฐานแนบ ดังนี้คือ
- สำเนาใบกำกับภาษีหรือเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการซื้อทรัพย์สิน (โดยจัดเรียงตามวันที่ซื้อ เรียงจากน้อยไปหามาก)
- ใบเซ็นต์อนุมัติเกี่ยวกับการจัดซื้อทรัพย์สิน
11.แฟ้มหนังสือรับรอง
การถูกหัก ณ ที่จ่าย จัดเก็บเรียงตามวันที่ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย เรียงจากวันที่น้อยไปหามาก โดยจัดเรียงเป็นเดือนๆ
12.แฟ้มหนังสือรับรอง
การหัก ณ ที่จ่าย จัดเก็บเรียงตามวันที่ที่หัก ณ ที่จ่าย เรียงจากวันที่น้อยไปหามาก โดยจัดเรียงเป็นเดือนๆ
13.แฟ้มเงินทดรองจ่าย
กรณีมีการชำระเงินล่วงหน้าเงินเป็นก้อนใหญ่ และเป็นการเบิกเงินที่อยู่นอกเหนือการเบิกเงินสดย่อย โดยให้มีใบปะหน้าคุมว่าใครมีการเคลียร์แล้ว หรือยังไม่ได้เคลียร์
14.แฟ้มสินค้า
จัดให้มีเอกสารภายในแต่ละแฟ้ม ดังนี้คือ
1.ใบสั่งซื้อสินค้า
2.สำเนาใบกำกับภาษี โดยมีรายละเอียดของสินค้า, ราคา, ราคา/หน่วย และยอดรวมของสินค้า
3.ทะเบียนการคุมซื้อสินค้า
4.ใบส่งของ
*โดยเอกสารแต่ละใบต้องมีลายเซ็นการอนุมัติจากกรรมการผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง
15.แฟ้มข้อมูลกิจการ
ใช้สำหรับเก็บเอกสารสำคัญของกิจการ ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเอกสารที่เก็บอยู่ในแฟ้มนี้ได้แก่
- หนังสือรับรองบริษัท
- เอกสารจดทะเบียนบริษัท
- สำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
- เอกสารการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01, ภ.พ.20)
- แผนผังองค์กร
- รายงานการประชุมบริษัท
- งบการเงินของบริษัท
- แบบนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50/ภ.ง.ด.51)
- สัญญาต่างๆ ที่สำคัญ
ทั้งนี้ บางกิจการอาจจะไม่ต้องมีแฟ้มเยอะขนาดนี้ก็ได้ ตัวอย่างแฟ้มข้างต้นให้ใช้เป็นแนวทางในการจัดเก็บเอกสารและปรับใช้ให้เข้ากับกิจการของตัวเองก็พอ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
จัดเก็บเอกสารหลักฐานทางบัญชีในรูปแบบข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์
คำถาม เนื่องจากเอกสารทางบัญชีที่ต้องเก็บ 5 ปี มีจำนวนมาก ไม่มีสถานที่จัดเก็บ และต้องเช่าสถานที่เพื่อเก็บเอกสาร หากต้องการจัดเก็บเอกสารไว้ในรูปแบบข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ สามารถจัดทำได้ไหม
คำตอบ : ตามพระราชบัญญัติการบัญชี 2543 มาตรา 14 กำหนดไว้ว่า ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี นับแต่วันปิดบัญชี หรือจนกว่าจะมีการส่งมอบบัญชีและเอกสาร คำตามมาตรา 17 เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชีของกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง ให้อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี มีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ใช้ประกอบการลงบัญชีไว้เกินห้าปีแต่ต้องไม่เกินเจ็ดปีได้
สำหรับกรณีที่บริษัทฯ ประสงค์จะเก็บเอกสารที่ใช้ประกอบการลงบัญชีในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ บริษัทฯ ยังต้องจัดเก็บต้นฉบับเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ในรูปของกระดาษตามระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543
ที่มา เพจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใส่ใจบัญชีและภาษี
https://www.dbd.go.th/dbdweb56/index_answer.php?tid=4063969