1. นำข้อมูลไปวิเคราะห์ตลาดและวางแผนกลยุทธ์
เมื่อเรารู้ว่าสินค้าชนิดไหนขายดีในช่วงเวลาใด โดนใจคนกลุ่มไหน ทำให้เราสามารถนำไปวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า นำเสนอสินค้า และจัดโปรโมชันให้สอดคล้องกับช่วงเวลา และฤดูกาลด้วย
2. เห็นภาพรวมคลังสินค้าอย่างถูกต้องแม่นยำ
การจัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบว่ามีสินค้าทั้งหมดเท่าไร มีการเข้าออกอย่างไร เมื่อไร ทำให้เราสามารถตรวจสอบ ควบคุม และป้องกันสินค้าสูญหาย เสียหาย หรือชำรุด มากไปกว่านั้นทำให้เรารู้ว่าสินค้าแต่ละชนิดมีความต้องการมากน้อยเพียงใด หมดเร็วแค่ไหน ควรเพิ่มสต็อกสินค้าหรือไม่ เพราะหากเรามีสินค้าไม่พอขายจะทำให้เราต้องเสียโอกาสทางการค้า และถ้ามองกลับกันเรามีสินค้าคงเหลือในสต็อกมากเกินไปโดยที่ไม่สามารถขายได้ก็จะทำให้เราขาดทุนได้เช่นกัน
3. ค่าใช้จ่ายลดลงทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น
หากเราบริหารคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้สามารถวางแผนงบประมาณได้ว่า ควรจัดซื้อสินค้ามากน้อยเพียงใด มีอำนาจในการต่อรองราคามากขึ้น รวมถึงสามารถคำนวณต้นทุน เพื่อนำไปตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสมคุ้มค่ากับกำไร มากไปกว่านั้นยังสามารถจัดการได้ว่าสินค้าชิ้นไหนควรระบายออกก่อนหลัง เพื่อให้เกิดปัญหาสินค้าเหลือและหมดอายุโดยที่ยังไม่ได้ขายออกไป
ที่มา www.peerpower.co.th