การทำเงินเดือนแบบโปรเรต (Prorated Salary) หมายถึง การคำนวณเงินเดือนตามส่วนของเดือนที่พนักงานทำงานจริง ซึ่งมักใช้ในกรณีที่พนักงานเข้ามาทำงานกลางเดือน ลาออกกลางเดือน หรือมีการลาหยุดบางส่วนของเดือน การคำนวณเงินเดือนแบบโปรเรตจะคิดเงินเดือนตามจำนวนวันที่พนักงานทำงานจริงในเดือนนั้น ๆ โดยทั่วไปจะใช้สูตรดังนี้
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพนักงานมีเงินเดือนเต็มเดือน 30,000 บาท และในเดือนนั้นมี 30 วัน แต่พนักงานทำงานเพียง 15 วัน เงินเดือนที่ได้รับจะเป็น:
เมื่อมีพนักงานใหม่เข้ามาเริ่มงานไม่ตรงกับวันที่ 1 ของเดือน การคำนวณเงินเดือนต้องปรับตามจำนวนวันที่พนักงานทำงานจริงในเดือนนั้น
เมื่อพนักงานลาออกไม่ตรงกับวันสุดท้ายของเดือน ระบบจะต้องคำนวณเงินเดือนตามวันที่พนักงานทำงานจริงในเดือนนั้น
ในกรณีที่พนักงานลาหยุดแบบไม่ได้รับเงินเดือนบางวันในเดือนนั้น เช่น ลาหยุดโดยไม่ได้รับค่าจ้าง (Leave Without Pay) ระบบจะต้องคำนวณหักเงินตามวันที่ไม่ได้ทำงาน
เช่น การเปลี่ยนจากพนักงานเต็มเวลาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ หรือกลับกัน ทำให้ต้องคำนวณเงินเดือนตามสัดส่วนเวลาที่ทำงาน
ในกรณีที่พนักงานใช้วันลาพักร้อนหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ไม่ใช่วันหยุดประจำปีเต็มเดือน การคำนวณเงินเดือนต้องปรับตามจำนวนวันที่ทำงานจริงและวันที่หยุด
หากมีการเลื่อนตำแหน่งหรือปรับอัตราเงินเดือนในช่วงกลางเดือน การคำนวณเงินเดือนจะต้องปรับตามวันที่ทำงานในแต่ละอัตราเงินเดือน
การทำเงินเดือนแบบโปรเรต (Prorated Salary) หมายถึง การคำนวณเงินเดือนตามส่วนของเดือนที่พนักงานทำงานจริง ซึ่งมักใช้ในกรณีที่พนักงานเข้ามาทำงานกลางเดือน ลาออกกลางเดือน หรือมีการลาหยุดบางส่วนของเดือน การคำนวณเงินเดือนแบบโปรเรตจะคิดเงินเดือนตามจำนวนวันที่พนักงานทำงานจริงในเดือนนั้น ๆ โดยทั่วไปจะใช้สูตรดังนี้:
ค่าล่วงเวลา (Overtime Pay)
ค่าล่วงเวลามักจะถูกคำนวณเป็นอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงของพนักงานคูณกับจำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา อัตราค่าล่วงเวลามักจะเป็น 1.5 เท่า หรือ 2 เท่าของอัตราค่าจ้าง ต่อชั่วโมง ตามกฎหมายแรงงานของแต่ละประเทศ
หากพนักงานทำงานไม่เต็มเดือน ค่าล่วงเวลายังสามารถคำนวณได้ตามชั่วโมงที่ทำงานจริงและอัตราค่าล่วงเวลาที่เหมาะสมโดยไม่ขึ้นกับการคำนวณโปรเรตของเงินเดือนพื้นฐาน
การปรับเงินเดือนระหว่างงวด (Salary Adjustment)
หากมีการปรับอัตราเงินเดือนของพนักงานในระหว่างงวด เช่น การเลื่อนตำแหน่งหรือการปรับขึ้นเงินเดือน ระบบจะต้องคำนวณเงินเดือนตามสัดส่วนเวลาที่ทำงานในแต่ละอัตราเงินเดือน ตัวอย่างเช่น หากพนักงานได้รับการปรับเงินเดือนจาก 20,000 บาท เป็น 25,000 บาทในวันที่ 15 ของเดือน การคำนวณเงินเดือนจะต้องแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ วันที่ 1-14 และวันที่ 15-31 และคำนวณตามอัตราเงินเดือนใหม่
สิทธิวันลา (Leave Entitlement)
บางองค์กรอาจมีการให้สิทธิวันลาที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับระดับตำแหน่งหรือระยะเวลาที่ทำงาน เช่น พนักงานที่ทำงานนานกว่าจะมีสิทธิวันลามากกว่าพนักงานใหม่ ระบบจะต้องคำนวณวันลาตามสิทธิที่ได้รับ โดยการคำนวณตามส่วนของปีที่พนักงานทำงานจริง เช่น หากพนักงานมีสิทธิวันลา 12 วันต่อปี และเข้ามาทำงานกลางปี (6 เดือน) พนักงานจะมีสิทธิวันลาเพียง 6 วันในปีนั้น
การคำนวณและการบันทึกในระบบ
การคำนวณค่าล่วงเวลา, การปรับเงินเดือน, และสิทธิวันลาต้องถูกบันทึกในระบบอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถตรวจสอบและออกรายงานได้อย่างถูกต้อง
พนักงานควรได้รับการแจ้งข้อมูลการคำนวณและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างชัดเจนผ่านสลิปเงินเดือนหรือการแจ้งเตือนในระบบ
สร้างบัญชีใหม่ | ลืมรหัสผ่าน ?