"Coffee Badging" เป็นแนวคิดใหม่ที่สะท้อนถึงเทรนด์การทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ในยุคที่การทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น แนวคิดนี้ช่วยให้พนักงานมีโอกาสเข้าสังคม พบปะเพื่อนร่วมงาน และสร้างการเชื่อมต่อที่ดีในทีมโดยไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันในสำนักงาน เป็นการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและขวัญกำลังใจให้พนักงานได้
เทรนด์นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในวิถีการทำงาน ที่เน้นความยืดหยุ่นและการปรับตัวเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว พนักงานสามารถจัดสรรเวลาตามความสะดวกและความต้องการส่วนตัว โดยมีอิสระในการเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง จากที่เข้าออฟฟิศมาเพื่อทำงาน กันอย่างแข็งขันวันละหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นการเข้ามาจิบกาแฟ มาเจอเพื่อนในออฟฟิศ พูดคุยกันสักพัก แล้วกลับบ้านไปทำงานต่อ เพราะหลายคนบอกว่าทำงานที่บ้านแล้วมีประสิทธิภาพมากกว่า
- เสริมสร้างความสัมพันธ์ การพบปะเพื่อนร่วมงานแม้เพียงสั้นๆ ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่มความร่วมมือในทีม
- ลดความเหนื่อยล้า การใช้เวลาน้อยลงในสำนักงานสามารถลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเมื่อกลับไปทำงานที่บ้าน
- ประสิทธิผลของงาน การที่พนักงานมีอิสระในการเลือกสภาพแวดล้อมในการทำงาน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากสามารถทำงานในบรรยากาศที่สบายและเป็นมิตร
แต่ในหลายองค์กรที่มีปัญหาความไม่ไว้วางใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และไม่มีวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นมาก่อน อาจจะทำให้นายจ้างส่วนใหญ่กังวลว่าการไม่เข้ามาทำงานในออฟฟิศหมายความว่าลูกจ้างของพวกเขาไม่ได้ทำงานอยู่ อย่างไรก็ตามลูกจ้างไม่ได้ถูกว่าจ้างมาเพื่อให้นายจ้างนั่งเฝ้าตลอดเวลา พวกเขาถูกจ้างมาเพื่อให้ทำงานให้เสร็จ ดังนั้นถ้าหากคุณมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น และพนักงานของคุณมีความรับผิดชอบ ก็ควรที่จะโฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่าการคอยติดตามว่าตอนนี้ใครทำอะไรอยู่ที่ไหน
Coffee badging จึงเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำ Hybrid Working ยังเวิร์คอยู่ในยุคนี้หากคนในองค์กรของคุณทำงานแบบยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี หลายองค์กรก็ออกแบบให้วันเข้าออฟฟิศเป็นวันที่มีกิจกรรมพิเศษ เพื่อจูงใจให้พนักงานอยากออกจากบ้านมาทำงานมากขึ้น เช่น มีการเลี้ยงอาหารกลางวัน เลี้ยงกาแฟ มีกิจกรรมตอนเย็น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ