7 ความท้าทายที่ HR ต้องเจอและโฟกัส ใน ปี 2022

1. การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและ Well-being ของพนักงานเป็นอันดับต้น

เนื่องจากปัจจุบันเส้นแบ่งระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงานนั้นแทบแยกกันไม่ออก การลงทุนทั้งด้านเวลาและเงินไปยังสุขภาพของพนักงานจึงสำคัญมาก ซึ่งสุขภาพนั้นหมายถึงสุขภาพองค์รวม ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ส่วนคือ
สุขภาพกาย (Physical well-being)
สุขภาพทางด้านอาชีพ (Career well-being)
สุขภาพการเงิน (Financial well-being)
สุขภาพทางสังคมและความสัมพันธ์ (Social well-being)
สุขภาพทางชุมชน (Community well-being)
สุขภาพทางจิตใจ (Emotional well-being)
สุขภาพในการขับเคลื่อนไปสู่จุดหมาย (Purpose-driven well-being)

2. ทำให้ "ความรับผิดชอบ" เป็นส่วนหลักของวัฒนธรรมองค์กร

ความรับผิดชอบใน context ของการทำงานหมายถึง การที่พนักงานรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ, การกระทำ และผลลัพธ์ของการกระทำของเขา
ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคือการที่พนักงานมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นในการทำงานอีกด้วย
โดยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความรับผิดชอบ อาจทำได้ด้วยวิธีเหล่านี้
- ให้อำนาจในการตัดสินใจกับพนักงาน และสร้างมาตราฐานการวัดระดับ Productivity ของเขา
- ให้พนักงานตั้งเป้าหมายผลงานที่จะสร้างรายสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้พนักงานมีความกระตือรือร้นอย่างต่อเนื่อง

3. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นแบบ Hybrid

แม้ว่าอนาคตกระแสโรคระบาดอาจหายไปหรือลดความอันตราย การทำงานแบบ Hybrid หรือ Remote จะยังคงอยู่
ผลงานวิจัยพบว่า การทำงานแบบ Remote ช่วยเพิ่มความสุขและความพอใจให้กับพนักงานส่วนใหญ่ โดยแต่ละบริษัทอาจมีนโยบาย Hybrid work ที่ต่างกันออกไป และในบริษัทเดียวกันก็ควรมีนโยบายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะงาน
การทำงานแบบ Hybrid อาจหมายถึงการทำงานสองวันต่อสัปดาห์ที่ออฟฟิศ หรืออาจหมายถึงการเจอหน้ากันอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือนก็ได้

4. เอาชนะการแข่งขันชิงตัว Talent ด้วยการใช้ AI และ Technology ในการ Recruit

นอกเหนือไปจากการสัมภาษณ์และการ Onboarding พนักงานแบบออนไลน์ที่ทุกบริษัททำกัน HR สามารถนำ AI มาใช้ในการหา Talent ที่น่าสนใจ เช่น นำ AI มาสกรีนเรซูเม่เพื่อให้กระบวนการคัดกรองทำได้รวดเร็วขึ้น, นำ Chatbot มาใช้ตอบคำถามที่ Candidate มักจะถามบ่อย เป็นต้น

5. HR ต้องพยายามมากขึ้นในการ Automate งานรูทีนและเอาเวลาไปใช้กับการสรรหาวิธีในการดูแลใจพนักงานมากขึ้น

งานของ HR จำนวนมากเป็นงานที่สามารถใช้ระบบอัติโนมัติมาช่วยได้ งานวิจัยจาก Mckinsey Global Institute พบว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถ Automate งาน HR ปัจจุบันได้มากถึง 56 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว
เมื่อ Automate งาน HR ที่เป็นรูทีนได้แล้ว HR จะมีเวลาและมีโอกาสมากขึ้นที่จะดูแลพนักงาน ทั้งทางใจ การพัฒนา และด้านการวางแผน Career Planning รายบุคคล ซึ่งนั่นเองก็จะช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับพนักงานอีกด้วย

6. เชี่ยวชาญด้าน People Analytics (การนำข้อมูลบุคคลมาวิเคราะห์และหา Insight)

ปี 2022 เป็นปีที่บริษัทและ HR ไม่สามารถเลื่อนการใช้ People Analytics ออกไปได้อีกแล้ว ทีม HR ต้องจริงจังในการเปลี่ยนแปลงจากการใช้สัญชาตญานมาเป็น Data-Driven Decision หรือการตัดสินใจจากข้อมูล ซึ่งจะทำให้เห็นผลได้อาจต้องใช้นโยบายเข้ามาช่วย เช่น นำนโยบายที่พึ่งพาการตัดสินใจจากสัญชาตญาณออกไป และเพิ่มให้พึงพาหรืออ้างอิงข้อมูลมากขึ้น

60% ของ CEO มองว่า HR เป็นหน่วยงานที่เน้นงาน Admin มากกว่าที่จะสร้างคุณค่าในแง่มุมที่ Impact กับองค์กร การเทรนด์ HR ในด้าน Analytics, กลยุทธ์ และการสร้างคุณค่าในงาน จะเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลบภาพจำไม่ดีเหล่านี้ออกไปได้


7. การรวมศูนย์ HR Software ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน

 Software ต่างๆ ที่มาช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น ให้พนักงานใช้ สามารถเข้าถึงได้จากที่เดียว เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดี และลดความสับสนของพนักงานลง
 

 

ที่มา HR ภาษา TECH