แดงกับเขียว ต่อยกันในที่ทำงาน ระวังถูกเลิกจ้าง ไม่ได้เงินสักบาท

          การทะเลาะวิวาท ชกต่อยกัน ในที่ทำงานของลูกจ้าง ถ้ามีพยานหลักฐานชัดแจ้ง ว่า คนที่วิวาทชกต่อยเป็นคนผิด โดยอีกคนหรืออีกฝ่ายไม่ได้มีส่วนผิด เช่น พูดจาไม่ดีในเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงาน หรือ มิใช่ในลักษณะสมัครใจวิวาทกัน เช่นนี้ นายจ้างก็อาจจะลงโทษทางวินัยได้ทันที เช่น ออกหนังสือเตือน และ ถ้าชกต่อยวิวาทในลักษณะรุนแรง เช่น เป็นเหตุให้อีกฝ่ายรับอันตรายสาหัส  ใช้อาวุธมีด หรือปืน ทำร้าย ก็อาจจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
          แต่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน แม้กฎหมายมิได้บังคับให้นายจ้างตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนจะลงโทษทางวินัย เรื่องเลิกจ้าง ด้วยเหตุดังกล่าว แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับลูกจ้าง นายจ้างก็ควรจะดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนก่อน เพราะถ้าหากสอบสวนแล้วฟังได้ว่า การทะเลาะวิวาทชกต่อยกันระหว่างลูกจ้างเป็นการสมัครใจวิวาท ไม่เกี่ยวกับการทำงาน หรือมีมูลมาจากเหตุส่วนตัว กรณีนี้ ย่อมถือว่า ลูกจ้างทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ที่นายจ้างจะเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่จ่ายค่าชดเชย เมื่อนายจ้างเลิกจ้างจึงต้องจ่ายค่าชดเชย

          การชกต่อยหรือความรุนแรงในที่ทำงานเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรเกิดขึ้น เป็นปัญหาร้ายแรงและควรรายงานและดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขเหตุการณ์นี้อย่างเร็วที่และเหมาะสม เพื่อความสงบสุขในสถานที่ทำงาน หากเกิดการชกต่อยในที่ทำงานควรรายงานแก่ผู้บริหารหรือหน่วยงานทรัพยากรบุคคลทันที เพื่อให้มีมาตรการแก้ไขและป้องกันเหตุการณ์นี้ต่อไป น้องบีพลัสขอแนะนำขั้นตอนที่ควรทำในกรณีเกิดการชกต่อยในที่ทำงาน

 

  1. รายงานให้ผู้บริหารหรือหน่วยงานทรัพยากรบุคคล หากคุณเป็นเหยื่อของความรุนแรงหรือเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นในที่ทำงาน คุณควรรายงานข้อมูลให้ผู้บริหารหรือหน่วยงานทรัพยากรบุคคลทันที แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยจริงและเจาะจง

  2. ติดต่อกับผู้รับผิดชอบ หากท่านไม่สามารถรายงานเหตุการณ์โดยตรงให้หน่วยงานทรัพยากรบุคคล คุณควรติดต่อผู้รับผิดชอบหรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนที่องค์กรกำหนด

  3. รักษาหลักฐาน ควรจัดเก็บหลักฐานหรือบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับการชกต่อย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวันที่เวลาและพยานหากมี การรักษาหลักฐานเหล่านี้สามารถช่วยในกระบวนการตรวจสอบและแก้ไขเหตุการณ์

  4. รับคำปรึกษา หากคุณรู้สึกตื่นตระหนกหรือมีอารมณ์เสียใจหลังจากเหตุการณ์ควรรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการสร้างกลยุทธ์ในการจัดการกับสถานการณ์

  5. รายงานต่อตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากความรุนแรงเป็นความผิดมาตรา กฎหมายหรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล คุณควรรายงานเหตุการณ์ให้กับตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการตามกฎหมาย

 

ที่มา กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน