อนุสัญญาว่าด้วยแรงงานบังคับหรือบริการฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับหรือแรงงานภาคบังคับ พ.ศ. 2473 กล่าวถึงความผิดหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานหรือการบังคับ ความผิดบางประการที่อนุสัญญาระบุรวมถึง
- การใช้แรงงานบังคับหรือแรงงานบังคับในรูปแบบใดก็ตาม โดยที่บุคคลถูกบังคับหรือบังคับให้ทำงานโดยไม่เต็มใจ
- การว่าจ้าง ขนส่ง หรือให้ที่พักพิงบุคคลโดยใช้กำลัง การฉ้อฉล หรือการบีบบังคับเพื่อวัตถุประสงค์ในการแสวงประโยชน์
- การใช้อำนาจควบคุมบุคคลผ่านการคุกคาม ความรุนแรง หรือการบีบบังคับในรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาทำงานภายใต้เงื่อนไขการแสวงประโยชน์
- การกำหนดบทลงโทษต่อบุคคลที่ปฏิเสธที่จะทำงานหรือผู้ที่พยายามหลบหนีจากสถานการณ์บังคับใช้แรงงาน
- การใช้แรงงานบังคับในรูปแบบการทำงานใดๆ รวมถึงในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม งานรับใช้ในบ้าน หรือภาคส่วนอื่นๆ
ความผิดเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ และคาดว่าประเทศที่ให้สัตยาบันในอนุสัญญาจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและขจัดการใช้แรงงานบังคับและให้ความคุ้มครองและเยียวยาผู้เสียหายอย่างเหมาะสม
บทลงโทษสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้องกับ "การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ" อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาลและสถานการณ์เฉพาะของคดี โดยทั่วไปแล้ว ความผิดเหล่านี้ได้รับการดำเนินการอย่างจริงจังเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และมักรวมถึงการปฏิบัติ เช่น การค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์
บทลงโทษสำหรับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการอาจรวมถึงการจำคุก ปรับ และการลงโทษทางกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ ความรุนแรงของบทลงโทษอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะและขอบเขตของความผิด ระดับของการบังคับขู่เข็ญที่เกี่ยวข้อง จำนวนเหยื่อ และการกระทำความผิดนั้นเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมหรือไม่
การค้ามนุษย์ เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่ทำลายสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรี และความมั่นคงของมนุษย์ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดโทษสำหรับผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ไว้ตามแต่กรณี ดังนี้
1.โทษสำหรับกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
1.1 บุคคลทั่วไป
(1) กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 - 12 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 – 1,200,000 บาท หรือถ้าได้กระทำกับบุคคลที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี หรืออายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ต้องระวางโทษหนักขึ้น ตามควรแก่กรณี
(2) ถ้ากระทำความผิดฐานค้ามนุษย์จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส หรือเป็นโรคร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 8 – 20ปี และปรับตั้งแต่ 800,000 – 2,000,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจนเป็นเหตุให้ผู้กระทำถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
ถ้าได้กระทำความผิดโดยร่วมกันตั้งแต่ 3คนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรม ต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้กึ่งหนึ่ง
1.2 นิติบุคคลใดกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000,000 - 5,000,000 บาท
1.3 เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบกิจการ โรงงาน หรือยานพาหนะ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือพบการกระทำความผิดในสถานประกอบกิจการ โรงงาน หรือยานพาหนะ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
1.4 ผู้ใดกระทำการบันทึกภาพ เผยแพร่ พิมพ์รูปหรือบันทึกเสียงหรือสิ่งอื่น ที่สามารถแสดงว่าบุคคลใดเป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. โทษสำหรับการกระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการ
2.1 กระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการ จําคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 4 ปี และปรับ ตั้งแต่ 50,000 - 400,000 บาท ต่อผู้เสียหาย 1 คน หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.2 กระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการ เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จําคุก ตั้งแต่ 8 - 20 ปี และปรับตั้งแต่ 800,000 - 2,000,000 บาท หรือจําคุกตลอดชีวิต
2.3 กระทำความผิดฐานบังคับใช้แรงงานหรือบริการ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จําคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าว เป็นกรณีที่บุพการีให้ผู้สืบสันดานทำงานหรือให้บริการ เพราะเหตุความยากจนเหลือทนทาน หรือเมื่อพิจารณาถึงสภาพความผิดหรือเหตุอันควรปรานีอื่นแล้ว ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ลงโทษผู้กระทำความผิดเลยก็ได้
ที่มา กลุ่มงานมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
