ทำยังไงดี ? ถ้าตั้งเป้าหมายทุกปีแต่ทำไม่เคยได้

"ปีนี้เราจะทำ…ให้ได้" ประโยคเติมคำที่ทุกคนสามารถใส่อะไรลงไปก็ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ หลายคนตั้งใจว่าเมื่อขึ้นปีใหม่แล้วต้องตั้งเป้าหมายอะไรบางอย่างให้กับชีวิต แต่เมื่อเจอปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ก็เลือกที่จะลืมมันไป เพราะการตั้งเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องรอปีใหม่แล้วค่อยมาตั้งเป้าหมาย แต่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเวลา เรามาดูวิธีการที่จะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายแล้วทำมันสำเร็จ

เป้าหมายต้องชัดและวัดผลได้

การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน มีความเฉพาะเจาะจง และวัดผลได้ จะช่วยทำให้เราเข้าใจว่ามีแนวโน้มในการทำเป้าหมายนั้นสำเร็จหรือไม่ การตั้งเป้าหมายที่ดีคือการสร้างเป้าหมายที่ให้คุณค่ากับชีวิตของเรา ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้สามารถทำตามเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง 

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ เช่น การตั้งใจลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ใน 2 เดือน หรือ ตั้งใจจะเพิ่มยอดขายขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปี เป็นการตั้งเป้าที่ให้คุณค่ากับชีวิตแถมยังมีตัวเลขสำหรับการวัดผลที่ระบุไว้แน่นอน ซึ่งสองสิ่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนเราให้ทำอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

จินตนาการตัวเองตอนบรรลุเป้าหมาย

การจินตนาการว่าเราบรรลุเป้าหมายแล้วอาจฟังดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่การได้สัมผัสความรู้สึกของความสำเร็จจะทำให้สมองจดจำภาพนั้นเอาไว้ซึ่งอารมณ์เหล่านี้ส่งผลต่อจิตใต้สำนึกของเราโดยตรง สิ่งที่เราคิดไม่ถึงคือ เมื่อสมองเราจดจ่ออยู่กับเรื่องอะไรมาก ๆ มันจะเริ่มดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาหาตัวเราไม่ว่าจะเป็นผู้คน ความคิด หรือทรัพยากร ซึ่งส่งเสริมเป้าหมายของเรา

ลองนึกภาพถึงตัวเองตอนที่น้ำหนักลดลงไป 10 กิโลกรัม สามารถหยิบเอาชุดเก่าเก็บตัวสวยออกมาปัดฝุ่นแล้วใส่ออกไปโชว์หุ่นได้อีกครั้ง หรือจิตนาการว่ากำลังนั่งอาบแดด ฟังเสียงคลื่นและลมทะเลที่มัลดีฟส์จากการทำยอดขายเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ได้ก่อนสิ้นปี นี่คือความสำคัญของจินตนาการที่จะช่วยทำให้เราไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย

บอกเป้าหมายของเราให้คนอื่นรู้

บางคนอายเกินกว่าจะบอกเป้าหมายของตัวเองกับคนอื่น เพราะกลัวว่าถ้าตัวเองทำไม่ได้จะรู้สึกขายหน้าอะไรแบบนั้น แต่ข้อดีของการบอกเป้าหมายให้คนอื่นรู้คือพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ง่ายและเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในทางปฏิบัติหรือให้กำลังใจให้คุณไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค 

ยังไงก็ตามถึงแม้เป้าหมายของคุณอาจไม่น่าสนใจหรือไม่มีใครสนับสนุน ก็จงอย่าหมดศรัทธา อย่าหมดกำลังใจ ฟังคนอื่นได้แต่คุณต้องอย่าให้คำวิจารณ์ของคนอื่นมาสำคัญกว่าเป้าหมายของคุณ

มองหาคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน

บางทีการทำอะไรคนเดียวอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว เราจึงควรหาเพื่อนที่มีเป้าหมายเหมือนกันและมีความคิดคล้าย ๆ กัน เริ่มจากการตั้งเป้าหมายและสร้างแผนไปสู่ความสำเร็จนั้นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ความรู้หรือประสบการณ์ เช่น ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม ภายในสองเดือน คุณและเพื่อนก็อาจจะช่วยกันหาวิธีลดน้ำหนักมาแชร์กัน หรือเวลาคุณกำลังจะตามใจปากอาจจะมีเพื่อนข้าง ๆ คอยห้ามปรามไว้ทัน 

ถ้าจะลองทำเป็นการแข่งขันระหว่างคุณกับเพื่อนก็เป็นอีกทางที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้คุณมีแรงกระตุ้นอยากชนะและทำสำเร็จ การมีเพื่อนทำอะไรด้วยกันย่อมดีกว่าการทำคนเดียว และที่สำคัญเมื่อพวกคุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว ความสำเร็จนี้จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเพราะมีอีกคนร่วมยินดีไปพร้อมกัน

วางแผน และกำหนดเวลาให้ชัดเจน

เมื่อรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายของเราและเห็นภาพตัวเองบรรลุเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อมาคือการวางแผนที่จะเดินไปสู่เป้าหมาย วิธีการที่ง่ายและช่วยให้เป้าหมายของเราเป็นจริงได้ก็คือวางแผนจากภาพรวมแล้วค่อยย่อยสิ่งที่ต้องทำออกมาทีละอย่าง จากนั้นทำไปทีละอย่างเพื่อบรรลุไปยังเป้าหมายใหญ่ เหมือนกับการวิ่งเข้า Checkpoint หลาย ๆ ครั้งจนสามารถจบการวิ่งมาราธอนได้

การวางแผนโดยกำหนดเวลาให้ชัดเจน เช่น เราวางแผนจะลดน้ำหนักให้ได้ 15 กิโลภายในสิ้นปี เราก็ต้องเริ่มวางแผนก่อนว่าจะลดด้วยวิธีไหน ยังไงบ้าง แล้วตั้งกำหนดเวลาไว้ว่า ภายใน 1 เดือนแรก จะลดกี่กิโล ภายใน 3 เดือนจะลดอีกกี่กิโล แล้วคอยเช็กอยู่เรื่อย ๆ ว่ามันเป็นไปตามแผนไหม ตั้งปรับแก้ตรงไหนบ้างรึเปล่า

ปฏิบัติจริง ทบทวน และปรับแก้

เมื่อสามารถตั้งเป้าหมายและวางแผนการสู่เป้าหมายเรียบร้อยแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องลงมือปฏิบัติจริง เพราะการลงมือทำคือตัวช่วยเดียวที่ทำให้เราขยับเข้าใกล้เป้าหมายได้ หลายคนยอมแพ้ในขั้นตอนนี้เพราะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เนื่องจากต้องลงมือทำจริงและมักเจอกับปัญหาต่าง ๆ นานาที่เข้ามา 

อย่าลืมที่จะทบทวนผลจากการปฏิบัติในทุกวัน ทุกสัปดาห์ และทุกเดือน เพราะจะทำให้เราเข้าใจว่ากำลังมุ่งไปถูกทางหรือไม่ ซึ่งหากรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่กำลังผิดทางจะได้ปรับแก้ได้รวดเร็วขึ้นด้วย

เมื่อบรรลุเป้าหมายต้องให้รางวัลตัวเอง

ความภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อประสบความสำเร็จบางอย่างเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่หากได้รางวัลอย่างการให้ตัวเองออกไปเที่ยว หรือรับประทานอาหารดี ๆ มีประโยชน์สักมื้อเมื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ย่อมมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จระยะยาว แต่ต้องระวังเช่นกันว่ารางวัลที่เราให้กับตัวเองจะไม่เป็นผลดีกับเป้าหมาย 

หากกำลังตั้งเป้าอ่านหนังสือทุกวันก็ไม่ควรให้รางวัลด้วยการดูซีรีส์โดยกินเวลาพัฒนาตัวเอง หรือกำลังเก็บเงินสำหรับทริปของครอบครัวก็ไม่ควรเอาเงินส่วนนั้นไปซื้อสินค้าลดราคาจนหมด สิ่งสำคัญของการให้รางวัลกับตัวเองก็คือต้องตอบได้ว่ารางวัลนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายที่เรากำลังทำอยู่หรือไม่

 

การจะบรรลุเป้าหมายในชีวิตนั้นไม่ได้ยากจนเกินไปหากเรามีความตั้งใจ ลงมือทำอย่างเป็นระบบตามแบบแผนที่วางไว้ ลองตั้งเป้าหมายขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง อาจไม่ต้องเป็นเป้าหมายใหญ่แบบที่ใครต้องตื่นเต้นก็ได้ เพียงแค่เราเข้าใจว่าเป้าหมายนี้จะส่งผลดีต่อชีวิตก็เพียงพอแล้ว 

 

 

ที่มา jobthai.com