เพราะเรื่องของความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของทุกคนในองค์กร
กฎกระทรวงบริหารการจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2549 ได้กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีจำนวนพนักงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ต้องมีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานของสถานประกอบกิจการ และได้แบ่งจำนวนของคณะกรรมการความปลอดภัยฯ ตามจำนวนลูกจ้าง ดังนี้
1. สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50-99 คนให้มีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 5 คน
ประกอบด้วย
- นายจ้างหรือผู้แทนนายจ้างระดับบริหารเป็นประธาน
- ผู้แทนนายจ้างระดับบัญชา 1 คนเป็นกรรมการ
- ผู้แทนลูกจ้าง 2 คนเป็นกรรมการ
- จป.เทคนิคขั้นสูงหรือ จป.วิชาชีพ เป็นกรรมการและเลขานุการ
2. สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100-499 คน ให้มีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 7 คน
ประกอบด้วย
- นายจ้างหรือผู้แทนนายจ้างระดับบริหารเป็นประธาน
- ผู้แทนนายจ้างระดับบัญชา 2 คนเป็นกรรมการ
- ผู้แทนลูกจ้าง 3 คนเป็นกรรมการ
- จป.เทคนิคขั้นสูงหรือจป.วิชาชีพ เป็นกรรมการและเลขานุการ
3. สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป ให้มีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า 11 คน
ประกอบด้วย
- นายจ้างหรือผู้แทนนายจ้างระดับบริหารเป็นประธาน
- ผู้แทนนายจ้างระดับบัญชา 4 คนเป็นกรรมการ
- ผู้แทนลูกจ้าง 5 คนเป็นกรรมการ
- จป.เทคนิคขั้นสูงหรือจป.วิชาชีพ เป็นกรรมการและเลขานุการ
โดยกรรมการมีวาระ 2 ปี และหากคณะกรรมการมีมากกว่าขั้นต่ำ ให้เพิ่มกรรมการจากผู้แทนนายจ้างและผู้แทนลูกจ้างในสัดส่วนที่เท่ากันซึ่งในแต่ละตำแหน่งนั้นสามารถดำเนินการได้ ดังนี้
ประธานกรรมการ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง นายจ้างสามารถแต่งตั้งได้เลย
ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง จะต้องมีการเลือกตั้งให้เป็นตามกฎหมายกำหนด
เลขานุการที่เป็น จป.วิชาชีพหรือ จป.เทคนิคขั้นสูง นายจ้างสามารถแต่งตั้งได้ตามความเหมะสม กรณีไม่มีจป.วิชาชีพหรือ จป.เทคนิคขั้นสูง ให้นายจ้างแต่งตั้งผู้แทนนายจ้างมาเป็น
คณะกรรมการความปลอดภัยฯ มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อป้องกันอันตราย อุบัติเหตุ และโรคจากการทำงาน ส่งผลให้การประสบอันตรายลดลง และเกิดการร่วมมือของทุกภาคส่วนในองค์กรให้สามารถขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยฯ เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานอย่างจริงจังและยั่งยืน
ที่มา สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)