10 กฎทองที่เจ้าของธุรกิจ SME ต้องรู้ เพื่อบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ การบริหารกระแสเงินสดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีความมั่นคง เพราะ "เงินสด" เป็นทรัพยากรที่ธุรกิจจำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในกิจกรรมประจำวัน การขาดเงินสดในกิจการอาจนำไปสู่การหยุดชะงักของกระบวนการต่าง ๆ เช่น การจ่ายหนี้สิน การซื้อวัตถุดิบ หรือแม้กระทั่งการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ต่อไปนี้คือ 10 กฎทองที่เจ้าของกิจการควรปฏิบัติเพื่อการบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ:

1. อย่าให้เงินสดขาดมือ การขาดเงินสดเป็นปัญหาที่สำคัญมากในธุรกิจ การคาดการณ์ปริมาณเงินสดที่จำเป็นในกรณีฉุกเฉินและการรักษาระดับเงินสดที่เพียงพอไว้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ธุรกิจควรมี "เงินสดสำรอง" เผื่อกรณีที่ต้องใช้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น การจ่ายหนี้สินฉุกเฉิน หรือการเจรจากับซัพพลายเออร์

2. เงินสดคือหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ แม้ว่ากำไรและตัวเลขในงบการเงินจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในการดำเนินธุรกิจจริง ๆ "เงินสด" คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ กำไรอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จ แต่หากธุรกิจไม่มีเงินสดที่เพียงพอ ธุรกิจก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาการชำระหนี้ได้ ดังนั้นผู้บริหารควรเน้นให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องของเงินสด

3. ตรวจสอบสถานะเงินสดอย่างสม่ำเสมอ

ควรตรวจสอบสถานะเงินสดของธุรกิจเป็นประจำ ไม่เพียงแต่ตรวจสอบเงินสดที่มีในปัจจุบัน แต่ควรทำการประมาณการรายรับและรายจ่ายล่วงหน้า เช่น การคาดการณ์ว่าในอีก 1 เดือนหรือ 3 เดือนข้างหน้า ธุรกิจจะมีเงินสดเข้ามาหรือออกไปมากน้อยเพียงใด การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เจ้าของกิจการทราบถึงแนวโน้มและสามารถวางแผนจัดการเงินสดได้ดียิ่งขึ้น

4. ทำงานวันนี้ บันทึกวันนี้

การบันทึกรายการทางการเงินอย่างถูกต้องและทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาดในการวางแผนการเงิน การที่เจ้าของกิจการบันทึกข้อมูลที่ทันสมัยทำให้สามารถดูสถานะของเงินสดได้อย่างแม่นยำ

5. "รายงานกระแสเงินสดเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน"

รายงานกระแสเงินสดเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามการเคลื่อนไหวของเงินสดเข้า-ออกจากธุรกิจ การทำรายงานกระแสเงินสดเป็นประจำ เช่น รายสัปดาห์หรือรายเดือน จะช่วยให้เจ้าของกิจการเห็นภาพรวมของกระแสเงินสดได้ชัดเจน และสามารถวางแผนจัดการเงินสดในระยะสั้นได้ดีขึ้น

6. อย่าตรวจสอบเพียง Bank Statement

การตรวจสอบเงินใน Bank Statement หรือสมุดบัญชีธนาคารอย่างเดียวไม่เพียงพอ ควรตรวจสอบรายการเงินสดที่รอการเบิกจ่ายหรือที่ยังไม่ถูกบันทึก เช่น เช็คที่ออกไปแล้วแต่ยังไม่ได้เบิกจ่าย หรือรายการเงินสดที่ยังไม่เข้าบัญชี นี่จะช่วยให้การวิเคราะห์สถานะการเงินมีความแม่นยำมากขึ้น

7. คาดการณ์เงินสดสุทธิในระยะ 6 เดือนข้างหน้า

ควรมีการวางแผนการคาดการณ์กระแสเงินสดสุทธิในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนข้างหน้า การคาดการณ์ล่วงหน้าในระยะกลางช่วยให้ธุรกิจมีเวลาเพียงพอในการจัดเตรียมและหาทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับสภาพคล่องเงินสด

8. ปัญหาทางการเงินไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่สะสมมาจากอดีต

เมื่อเกิดปัญหาทางการเงินขึ้นในวันนี้ มันอาจจะไม่ได้เกิดจากการกระทำในวันนี้เท่านั้น แต่สะสมมาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดีในอดีต ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบการบริหารกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการสะสมปัญหาจนกลายเป็นวิกฤติ

9. จัดทำงบประมาณเงินสด (Cash Budget)

การจัดทำงบประมาณเงินสดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการวางแผนทางการเงิน โดยจะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถกำหนดเป้าหมายการใช้เงินในแต่ละช่วงเวลา และเห็นได้ว่ามีเงินสดเพียงพอในการชำระหนี้หรือไม่ รวมถึงยังสามารถวางแผนในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

10. ไม่ควรมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องเงินสดจนละเลยการบริหารธุรกิจอื่น ๆ

ถึงแม้การบริหารเงินสดจะมีความสำคัญ แต่การหมกมุ่นกับการจัดการเงินสดเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ละเลยการบริหารด้านอื่น ๆ ของธุรกิจ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือการพัฒนาทีมงาน ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจในทุกด้าน

การรักษาสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเทคนิคการบริหารเงินสดมีดังนี้:

1. การจัดทำงบประมาณการเงินสด (Cash Budget) การจัดทำงบประมาณเงินสดจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการใช้จ่ายและการรับเงินในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ โดยธุรกิจสามารถคาดการณ์ได้ว่ามีเงินสดเพียงพอหรือไม่ และต้องเตรียมเงินเพิ่มเติมหรือไม่

2. เร่งรัดการเก็บเงินลูกหนี้การค้า การให้เครดิตเทอมเป็นเรื่องปกติในธุรกิจ แต่การเก็บเงินจากลูกหนี้ได้เร็วจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้ การให้ส่วนลดเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้จ่ายเงินเร็วขึ้น หรือการติดตามหนี้สินอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดเข้ามาใช้หมุนเวียนได้เร็วขึ้น

3. ชะลอการจ่ายเงินสดออก การเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจะช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาเงินสดไว้ใช้ในช่วงเวลาที่จำเป็นได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเครดิตและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ

4. ควบคุมค่าใช้จ่าย การควบคุมและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดในมือมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. หาทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง หากธุรกิจมีเงินสดส่วนเกิน ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ระยะสั้นที่มีผลตอบแทนดี เพื่อนำเงินสดที่เก็บไว้มาทำประโยชน์แทนการถือเงินสดไว้โดยไม่ได้ใช้

สรุป

การบริหารกระแสเงินสดที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการรักษาสภาพคล่องและความมั่นคงของธุรกิจ ด้วย 10 กฎทองและเทคนิคการบริหารเงินสดข้างต้น จะช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถจัดการกับเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

อ่านต่อ เทคนิคการบริหารเงินสดให้มีสภาพคล่อง คลิก

การวางแผนและการตัดสินใจทางการเงินที่แม่นยำเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ Bplus Financial Analysis & Financial Intelligence เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถประเมินสถานะทางการเงินขององค์กรได้อย่างครบถ้วนและรอบด้าน

1. วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของธุรกิจอย่างละเอียด

ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลการเงินขององค์กรอย่างละเอียด เพื่อการวิเคราะห์สำหรับการบริหารบัญชีและการเงิน รองรับงบดุลและงบกำไรขาดทุน แบบช่องเดียว และหลายช่อง เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลเก่าหรืองบประมาณ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร การแสดงผลที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายยังช่วยให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงการดำเนินงานได้อย่างทันท่วงที

2. ช่วยปรับปรุงการจัดการและการวางแผนทางการเงิน

การจัดการการเงินที่ดีต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา ระบบวิเคราะห์งบการเงินนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นภาพรวมของสถานะการเงินในปัจจุบัน และวางแผนกลยุทธ์ทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดสรรงบประมาณ การควบคุมต้นทุน และการบริหารกระแสเงินสด ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพการเงินและปรับปรุงกลยุทธ์การเงินได้ทันสถานการณ์

3. ตรวจสอบและจัดการความเสี่ยงทางการเงิน

ระบบวิเคราะห์งบการเงินยังมีความสามารถในการช่วยตรวจสอบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ เช่น การตรวจสอบสถานะทางการเงินที่อาจทำให้ธุรกิจประสบปัญหาการเงินในอนาคต ข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถวางแผนและเตรียมการล่วงหน้าในการป้องกันความเสี่ยง ลดโอกาสในการเกิดปัญหาทางการเงิน และเพิ่มความมั่นคงให้กับองค์กร

Bplus Financial Analysis & Financial Intelligence เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการควบคุมการเงินอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน การจัดการความเสี่ยง ทำให้การวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการองค์กรเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน