4 เหตุผลทำไมธุรกิจควรปรับตัวใช้ Data

หลายคนคงเคยคุ้นหูกับคำว่า ‘Data’ ที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ ที่หลาย ๆ บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการนำ Data มาใช้เป็นอันดับต้น ๆ จนมีประโยคที่ออกมาว่า ‘Data is the New Oil’ แสดงให้เห็นว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดสำหรับบริษัทนั่นเอง

แต่ถ้าหากพูดถึง Data หลาย ๆ คนก็อาจจะมองภาพไม่เห็นว่าจะนำมันมาใช้ได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไร และอาจจะคิดว่าการใช้ Data นั้นก็คงสำหรับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว บริษัทขนาดเล็กอาจจะได้เปรียบในเชิงของการนำ Data มาปรับใช้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่เสียอีก แต่ก็มีหลาย ๆ ธุรกิจที่ยังไม่กล้าและยังไม่เห็นความสำคัญของการใช้ Data ลองมาดูถึงเหตุผลกันว่าทำไมเราถึงต้องปรับตัว และเริ่มที่จะนำ Data เข้ามาใช้กับธุรกิจกัน โดยจะมีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน

1.ช่วยให้เข้าใจความต้องการลูกค้าอย่างตรงจุด

Data จะช่วยทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของลูกค้าได้มากขึ้น ว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาชอบ ทำไมถึงเลือกที่จะซื้อ มีรูปแบบการซื้ออย่างไร ทำไมเปลี่ยนไปซื้อกับเจ้าอื่น และปัจจัยใดที่ทำให้พวกเขาแนะนำเรากับคนอื่น

เจ้าของธุรกิจยังสามารถที่จะนำ Data มาวิเคราะห์ได้ว่าการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบใดที่จะสามารถทำเราปิดการขายได้ดีขึ้น หรือทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อกับธุรกิจของเราในครั้งต่อไป

Data ที่หาได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน มีฟังก์ชันให้เราสามารถดู Data ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เห็นว่าการทำการตลาดหรือคอนเทนต์แบบไหนที่ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่ากัน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

2.ติดตามเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันเทรนด์ต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การที่เราสามารถรับรู้เทรนด์ได้ทันจะช่วยทำให้คาดการณ์ว่าทิศทางของธุรกิจจะเป็นไปในทางใด ความต้องการของลูกค้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น การใช้ Data ทำให้การคาดการณ์นั้นแม่นยำขึ้น พร้อมกับการช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับธุรกิจ

อย่างธุรกิจขายปลีก ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ เราสามารถวัดผลไปถึงรายละเอียดได้ อย่างการนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลภายนอกว่า ช่วงเวลาไหนของปีที่ลูกค้ามักจะเข้ามาซื้อสินค้ามากที่สุด สภาพอากาศมีผลหรือไม่ที่ทำให้สินค้าขายดีขึ้น หรือมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเทรนด์ หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้นหรือลดลง ทำให้ธุรกิจสามารถดูเรื่องความต้องการทางการผลิตสินค้าได้อย่างทันท่วงที

3.ประเมินคู่แข่ง

ในอดีตการประเมินคู่แข่งค่อนข้างมีข้อจำกัดมาก แต่ปัจจุบัน เราสามารถหาข้อมูลคู่แข่งในหลาย ๆ ด้านได้จากบนเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ อย่างความนิยมของแบรนด์และสินค้า การมีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดีย หรือจะเป็นการพูดถึงของลูกค้าต่อแบรนด์นั้น ๆ และมากไปกว่านั้น เรายังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบกับธุรกิจของเราได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถประเมินได้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ธุรกิจของเรามีความนิยมมากหรือน้อยกว่าแบรนด์คู่แข่ง และเราสามารถปรับปรุงส่วนไหนให้ดีขึ้นได้บ้าง

4.พัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน

Data นั้นยังถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานทางธุรกิจอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันเราสามารถที่จะเข้าไปดูข้อมูลการทำงานของระบบ เครื่องมือหรือเครื่องจักรได้ อย่างเช่น เครื่องผลิต ระบบการขนส่ง หรือระบบการสั่งสินค้าของลูกค้า ทำให้เราสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ แก้ไขและพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราก็อาจจะดูได้ว่า Customer Journey ของลูกค้าเป็นอย่างไร มีอุปสรรคทางด้านระบบอะไรหรือไม่ที่ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่ซื้อสินค้า ทำให้เราสามารถที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนระบบการสั่งสินค้า เพื่อที่จะสามารถปิดการขายได้มากขึ้น

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ก็สามารถที่จะนำข้อมูลมาใช้ในการปรับเส้นทางขนส่งให้มีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางด้านต่าง ๆ ของการขนส่งสินค้า และยังเสริมประสิทธิภาพการขนส่งให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

ปัจจุบันธุรกิจใหญ่ ๆ พยายามที่จะผสาน Data กับการทำงานมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน อย่าง Google, Facebook, Apple และ Amazon ธุรกิจเหล่านี้ล้วนแต่ใช้ Data กันทั้งหมด หลากหลายธุรกิจไม่สามารถที่จะดำเนินและพัฒนารูปแบบการทำงานโดยปราศจากข้อมูลเหล่านี้ได้เลย เรียกได้ว่าข้อมูลทำให้ทุก ๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและแม่นยำมากยิ่งขึ้น สำหรับองค์กรเล็ก ๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน เพราะ Data มีบทบาทสำคัญมากที่จะทำให้เราก้าวได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น ภายใต้โลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

ที่มา www.smeone.info