เทคนิคประหยัดภาษี สำหรับธุรกิจ SME

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี ที่ผู้มีรายได้ต้องทำการยื่นภาษีแก่กรมสรรพากร สำหรับภาษีบุคคลธรรมดา ส่วนนิติบุคคลอย่างผู้ประกอบการ SME เองก็ต้องทำการยื่นภาษีประจำปีเช่นกัน ซึ่งก่อนทำการยื่นภาษีควรตรวจสอบ สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ประกอบการ SME เพื่อช่วยให้ประหยัดเงินเป็นผลกำไรได้มากขึ้น

4 ประเภทของภาษีที่ SME ต้องชำระ

ผู้ประกอบการ SME มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล อธิบายแบบสั้น ๆ ก็คือ ภาษีที่กรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บกับผู้ประกอบการ SME อัตราสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ ซึ่งหลักการคิดภาษีนิติบุคคลคือ (รายได้ - รายจ่าย = กำไร) และนำกำไรไปคิดภาษีที่ต้องจ่ายนั่นเอง ซึ่งภาษีที่เกี่ยวข้องกับ SME จะประกอบไปด้วย

  1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภาษีที่จัดเก็บจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT เป็นภาษีที่เก็บจากมูลค่าสินค้าหรือบริการที่มีการซื้อขาย โดยผู้ประกอบการที่มียอดขายมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ขอจดทะเบียน VAT อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคือร้อยละ 7 จากยอดมูลค่าสินค้าและบริการ ซึ่งประกอบด้วย
    • ภาษีขาย คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้จดทะเบียน VAT เรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อในการขายสินค้าบริการเป็นภาษีที่ต้องนำส่งกรณีขายมากกว่าซื้อ
    • ภาษีซื้อ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการต้องชำระให้ผู้ขายในการซื้อสินค้า เป็นภาษีที่ขอคืนได้ถ้าน้อยกว่าภาษีขายในรอบนั้น
  3. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่ผู้ประกอบการทำการหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 40 เพื่อนำส่งรัฐ ในกรณีที่มีการจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงาน หรือค่าจ้างให้ทำสินค้า ก็ต้องมีการหักภาษีที่จ่าย อัตราร้อยละ 3
  4. ภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนที่ดิน ภาษีป้าย เป็นภาษีที่ต้องเสียเมื่อมีป้ายที่แสดงชื่อ ยี่ห้อ เครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือเพื่อหารายได้ หรือเป็นป้ายโฆษณา ผู้มีหน้าที่เสียภาษีก็คือเจ้าของป้ายนั่นเอง ส่วนภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นภาษีที่จัดเก็บจากโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง และที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีคือผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน

เช็กให้ดีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับ SME มีอะไรบ้าง

ผู้ประกอบการ SME หลายต่อหลายคนมองข้ามหรือละเลยในการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ต้องเสียภาษีมากกว่าปกติ ฉะนั้นก่อนยื่นภาษีควรตรวจสอบสิทธิประโยชน์ต่อไปนี้

ได้รับการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล

หากผู้ประกอบการ SME มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิเกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท เสียภาษีอยู่ที่ 15% เกิน 3,000,000 บาทขึ้นไป เสีย 20%

อุปกรณ์การทำงานก็หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินได้ ดังนี้

  • คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หักได้ 40%
  • อาคารโรงงาน หักได้ 25%
  • เครื่องจักรและอุปกรณ์ของเครื่องจักร หักได้ 40%

จ้างผู้สูงอายุก็มีข้อดี เพราะนำมาลดหย่อนภาษีได้ ด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ หักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า

โดยที่ผู้ประกอบการ SME ต้องมีการจ้างงานผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นลูกจ้างของบริษัท หรือมีการขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน เป็นค่าจ้างผู้สูงอายุที่มีค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท ต่อเดือน

ส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมมาใช้ ก็ได้รับการลดหย่อนภาษี ด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม

โดยผู้ประกอบการ SME ต้องยื่นใช้สิทธิไปยัง สวทช. เพื่อตรวจสอบ เป็นการหักรายจ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้แก่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ที่ได้รับการประกาศกำหนดฯ หักได้ 2 เท่า

หากส่งเสริมและพัฒนาพนักงานให้เกิดการเรียนรู้ ก็สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนได้ ด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือพนักงาน

เป็นการที่ผู้ประกอบการ SME หักรายจ่ายในการส่งพนักงานไปฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการศึกษา สามารถหักได้ 2 เท่า

หากมีการใช้เครื่อง EDC รับชำระเงินก็ใช้ลดหย่อนได้ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC)

เป็นการหักรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าธรรมเนียม จากการรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิตผ่านเครื่อง EDC

ที่มา www.ttbbank.com